สรุปข่าว
วันนี้ (22 ก.พ.64) โบอิ้ง (Boeing) ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า บริษัทขอแนะนำให้สายการบินต่างๆ ระงับการใช้เครื่องบินไอรุ่น 777 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ของบริษัทแพรตต์ แอนด์ วิตนีย์ (Pratt & Whitney) รุ่นพีดับเบิลยู 4000 (PW4000) หลังจากเครื่องบินโบอิง 777 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นนี้ ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ประสบปัญหาเครื่องยนต์ด้านขวาขัดข้องและติดไฟ ระหว่างเดินทางจากเมืองเดนเวอร์ ในรัฐโคโลราโด ไปยังเมืองโฮโนลูลู ในรัฐฮาวาย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ โบอิ้ง ยังเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเครื่องบินรุ่นนี้ให้บริการทั้งหมด 69 ลำ ขณะที่ อีก 59 ลำยังอยู่ในคลัง เนื่องจากความต้องการเครื่องบินที่ลดลงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
คำแนะนำของโบอิ้งครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ FAA ออกคำสั่งให้เริ่มกระบวนการตรวจสอบความสมควรเดินอากาศฉุกเฉิน หรือตรวจสอบว่าเครื่องบินจากบริษัทโบอิ้งของสหรัฐฯ รุ่น 777 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ รุ่นพีดับเบิลยู 4000 (PW4000) มีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ โดยคำสั่งดังกล่าวหมายความว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวบางลำต้องหยุดการให้บริการ
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ของ FAA ยังระบุว่า ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เป็นสายการบินเพียงแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกา ที่มีเครื่องยนต์รุ่น PW4000 ในฝูงบิน
ด้าน สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ว่า จะยุติการให้บริการเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 24 ลำชั่วคราว
ขณะที่ หน่วยงานกำกับดูแลการบินของญี่ปุ่นก็ได้สั่งให้สายการบินที่มีเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวระงับเที่ยวบินทั้งหมด จนกว่าจะมีประกาศให้ทราบต่อไป
แพรตต์ แอนด์ วิตนีย์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์สัญชาติอเมริกันและเป็นบริษัทลูกของเรย์ธีออน เทคโนโลยี ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
สำหรับเหตุเครื่องยนต์ขัดข้อง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นระหว่างเที่ยวบินยูเอ 328 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ที่ใช้เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 พร้อมผู้โดยสาร 231 คน และลูกเรือ 10 คน กำลังเดินทางจากเมืองเดนเวอร์ ในรัฐโคโลราโด ไปยังเมืองโฮโนลูลู ในรัฐฮาวาย เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้โดยสารหรือลูกเรือคนใดบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand