นลท.คลายกังวลหลังรัฐไม่ประกาศเคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์ ส่งหุ้นไทยปิดบวก 7.84 จุด

นลท.คลายกังวลหลังรัฐไม่ประกาศเคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์ ส่งหุ้นไทยปิดบวก 7.84 จุด

สรุปข่าว

วันนี้ ( 16 เม.ย.64)ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 1,548.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด (+0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 89,461.41 ล้านบาท

โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,550.26 จุด และระดับต่ำสุด 1,529.29 จุด  ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 598 หลักทรัพย์ ลดลง 1,092 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 346 หลักทรัพย์

รายงานจากตลาดหลักทรัพย์ ว่า นักลงทุนหันกลับมาเข้ามาซื้อมากขึ้น เนื่องจากขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นตามหุ้นเดมเลอร์ที่ทะยานขึ้น

ขณะที่บ้านเรานักลงทุนเชื่อว่ารัฐบาลได้ประกาศควบคุมการแพร่ระบาดเชื้ไวรัสโควิด-19 จะสามารถลดการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง

ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเคลื่อนไหวในแดนลบบ้างตอบรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวทะลุพันรายต่อวันติดต่อกัน จนดัชนีลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,530 จุด ก่อนเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ และในช่วงบ่ายก่อนการแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีกระแสข่าวเรื่องเคอร์ฟิวส่งผลให้ดัชนีฯย่อตัวลงไป จากนั้นเมื่อมีความชัดเจนจากการแถลงของ ศบค.และนายกรัฐมนตรียืนยันไม่มีเคอร์ฟิว และล็อกดาวน์ ส่งแรงเพิ่มโมเมนตัมให้กับตลาดฯอีกระดับหนึ่ง แม้จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังเพิ่มขึ้นอีกแต่ก็ถือว่ารับรู้ไปมากแล้ว ทำให้ตลาดฯดึงกลับขึ้นมาได้

นอกจากนี้ คาดว่าวันนี้จะได้เห็นแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันบ้าง จากก่อนหน้านี้อาจถอยออกไปก่อน ทำให้มองดูแล้วตลาดฯมีลุ้นที่จะเด้งกลับขึ้นไปได้ เพราะมาตรการที่ ศบค.แถลงออกมาไม่ได้เลวร้าย ถือเป็นการปลดล็อกความกังวล

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดยุโรป ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก จากความคาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงผลประกอบการของหุ้นหลักของสหรัฐฯก็ออกมาดี

ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะต้องโฟกัสที่การทยอยประกาศผลประกอบบการของบริษัทจดทะเบียน เริ่มจากกลุ่มแบงก์ ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะออกมาไม่ดีนัก แต่ถ้าดีกว่าคาดก็จะช่วยดึงตลาดฯให้ขึ้นได้บ้าง และให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรป รวมถึงในวันที่ 22 เม.ย.ติดตามตัวเลขส่งออกของไทย และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)  

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่าตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up โดยมีแนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่            

1. KBANK   มูลค่าการซื้อขาย   4,574.78 ล้านบาท  ปิดที่ 134.50 บาท ลดลง   4.00 บาท

2. PTTEP   มูลค่าการซื้อขาย   2,723.27 ล้านบาท  ปิดที่ 116.00 บาท เพิ่มขึ้น  4.50 บาท

3. PTT     มูลค่าการซื้อขาย   2,387.59 ล้านบาท  ปิดที่  39.75 บาท เพิ่มขึ้น  0.75 บาท

4. SCC     มูลค่าการซื้อขาย   2,235.05 ล้านบาท  ปิดที่ 410.00 บาท เพิ่มขึ้น  4.00 บาท      

5. KCE     มูลค่าการซื้อขาย   2,198.36 ล้านบาท  ปิดที่  60.75 บาท เพิ่มขึ้น  1.50 บาท




ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand