
สรุปข่าว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 64 คาดปัจจัยกดดันตลาดหุ้น น่าจะเหลืออีกไม่มาก ถือเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เพื่อคาดหวังการเติบโตที่แข็งแรงในช่วงที่เหลือของปี 2564 ต่อเนื่องในปี 2565
สำหรับปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้นหลักๆ มีอยู่ 4 เรื่อง คือ 1. ปัญหา Evergrande คาดกระทบในวงจำกัด และส่งผลต่อตลาดการเงินไทยน้อย ทั้งในมุมกองทุนรวมไทยถือตราสารหนี้ Evergrande เพียง 0.1 – 0.7% ขณะที่ผู้พัฒนาอสังหาฯไทยยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มี Net Gearing ล่าสุดเพียง 1.0 เท่า
2. ความกังวล Fed จะส่งสัญญาณลดระดับ QE จะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและตลาดหุ้นอยู่เป็นระยะๆ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ เริ่มสวนทางกัน อาทิ สหรัฐ ยุโรป เริ่มทยอยใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น ตรงข้ามกับประเทศในแถบเอเชียรวมถึงไทย ที่ยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อ
3. น้ำท่วมในประเทศยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากช่วงต้นเดือน ต.ค. 2564 ไทยมีแนวโน้มเผชิญกับพายุอีก 2 ลูก คือ พายุ Lionrock และ พายุ Kompasu ขณะที่น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เคยกดดันตลาดหุ้นไทยลดลง -24.5%
4. กำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วง 2H64 มีโอกาสลดลงถึง -42% HoH โดยเฉพาะช่วง 3Q64 ที่เผชิญกับ COVID-19 ระลอกที่ 3 แบบเต็มๆ อาจกดดันให้ตลาดหุ้นผันผวนในช่วงเข้าใกล้การประกาศงบ (ช่วงปลาย ต.ค. – ต้น พ.ย. 64)
ปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นส่วนหนึ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ พร้อมกดดัน Fund Flow ให้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นๆ ได้
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วง 4Q64 จากการทยอยผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการจัดหาวัคซีนมากขึ้น อีกทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อทยอยลดลงตามลำดับ หนุนเศรษฐกิจเติบโตแบบชัดเจนขึ้นในปี 2565 โดยฝ่ายวิจัยประเมิน GDP ปี 2565 เติบโตถึง 3.2% เช่นเดียวกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565 ที่เบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.21 แสนล้านบาท เติบโตถึง 8.8%YoY
ในมุม Valuation ฝ่ายวิจัย ASPS คงดัชนีเป้าหมายปี 2564 ที่ 1,670 จุด และเบื้องต้นประเมินเป้าหมายดัชนีปี 2565 ภายใต้ MEYG ที่ระดับ 3.9% และ EPS65F ที่ 80 บาท/หุ้น (ตัวเลขยังไม่นิ่ง) จะได้ดัชนีเป้าหมายขั้นต้น 1,816 จุด
ด้านกลยุทธ์แนะสะสมหุ้นในธีม Re-Economy และ Restructure คัดหุ้นเข้าออก SET50-100 เตรียมรับการเติบโตที่ต่อเนื่องในปี 2565 พร้อมกับกระจายการลงทุนในหลากหลาย Sector อย่าง ADVANC, AEONTS, CPALL, CPN, KBANK และ TOP

- เงินบาทเช้านี้ 29 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 28 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 27 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 26 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.57 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 22 พ.ค. เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.69 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 19 พ.ค. เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 33.19 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 16 พ.ค. เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 33.17 บาท/ดอลลาร์
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand