สรุปข่าว
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงินจะร่วมกันแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ในส่วนของหนี้บ้าน รถ และ เอสเอ็มอี โดยเบื้องต้นจะมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และ ผู้บริหารสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ รายละเอียดให้รอรอแถลงข่าว เบื้องต้นเป็นวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นี้ คาดว่าจะจัดที่ธปท. ส่วนตัวมองว่ามาตรการแก้หนี้ที่กำลังจะออกมาเป็นมาตรการที่ดี เนื่องจากปัจจุบันปัญหาการยึดบ้านยึดรถมีความรุนแรงซึ่งส่งผลเกี่ยวเนื่องไปยัง Supply Chain ของธุรกิจเหล่านี้ด้วย"
ส่วนการลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23% จากเดิม 0.46% เพื่อตั้งกองทุนสำหรับมาตรการแก้หนี้ นายลวรณ มองว่าเป็นการออกแบบที่ดีแล้ว เนื่องจากเป็นกลไกที่จะทำให้เกิดการแข่งขันช่วยลูกหนี้ระหว่างสถาบันการเงิน
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องนี้ออกแบบไว้ดีแล้วเพราะเงินถูกเก็บไว้เป็นกองกลาง ถ้าใครไม่ทำก็เหมือนลงเงินกองกลางฟรีแต่ใครทำได้เยอะก็กินเงินกองกลางได้มาก สมมติจะแก้หนี้ให้ 1 ราย ใช้เงิน 100 บาท แบงก์ก็มาใช้เงินกองกลางได้ 50 บาท และออกเอง 50 คือเป็นการแก้หนี้โดยใช้ต้นทุนของแบงก์แค่ครึ่งเดียว สิ่งที่รัฐจะเสียคือเวลาการใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จะยืดออกไปอีกก็ใกล้จะใช้หนี้หมดแล้ว ตอนนี้ยืดเวลาใช้หนี้ไปอีกหน่อยทำให้คนทำให้คนหายใจได้ทำให้เศรษฐกิจหมุน"
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงการคลัง ยกตัวอย่างรูปแบบของมาตรการแก้หนี้ว่า หากผู้เข้าร่วมมาตรการเป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน ในช่วง 3 ปีที่เข้าโครงการ สามารถเลือกชำระค่างวดแบบเต็มจำนวนเดิมหรือเลือกผ่อนครึ่งหนึ่งก็ได้ โดยเงินที่ชำระมาจะนำไปตัดเงินต้น 100% เช่นตอนนี้เราผ่อนบ้านกัน ค่างวดเกินครึ่งก็ตัดดอกเบี้ยหมด ตัดเงินต้นไม่เยอะ คนที่เข้าร่วมมาตรการนี้เงินที่จ่ายมาจะนำไปตัดเงินต้น 100%
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand