ปี 67 อุตฯอวกาศอินเดียเงินทุนลดลงครึ่งหนึ่ง

ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตลาด “แทร็กซิน” (Tracxn) ระบุว่า ปี 2567 เงินทุนในอุตสาหกรรมอวกาศของอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันสู่การเป็นมหาอำนาจโลก ลดลงร้อยละ 55 อยู่ที่ 59.1 ล้านดอลลาร์ จากในปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 130.2 ล้านดอลลาร์เม็ดเงินที่ลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นสอดคล้องกับการลงทุนในอุตสาหกรรมอวกาศทั่วโลกที่ลดลงร้อยละ 20 นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบอย่างน้อย 5 ปี โดยบริษัทด้านอวกาศทั่วโลกระดมเงินได้ราว 2.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทในอินเดียระดมทุนได้ประมาณ 354 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอวกาศของอินเดียได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลังจาก “จันทรายาน-3” สามารถลงจอดบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ และ “อาทิตยา L1” ทำภารกิจสำรวจดวงอาทิตย์ครั้งแรก ทำให้บริษัทเอกชนในอุตสาหกรรมอวกาศถูกมองว่ามีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อการบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการสร้างเศรษฐกิจอวกาศภาคเอกชนมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์

รัฐบาลอินเดียพยายามสนับสนุนอุตสหกรรมนี้ด้วยการอนุมัติกองทุน 1 หมื่นล้านรูปี หรือ 119 ล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อสนับสนุนสตาร์ตอัปด้านอวกาศและวางแผนขยายส่วนแบ่งของอินเดียในตลาดอวกาศเชิงพาณิชย์ทั่วโลกภายในปี 2576

ด้าน “วิเศษ ราชาราม” หุ้นส่วนบริหารของ “สเปเชียล อินเวสต์” (Speciale Invest) ที่สนับสนุนบริษัท ๆ อาทิ อักนิกุล คอสมอส (Agnikul Cosmos), กาแล็กซ์อาย (GalaxEye) และอินสเปซิตี้ (Inspecity) คาดการณ์ว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะมีความสำคัญในการกำหนดอนาคตของสตาร์ตอัปเทคโนโลยีในอินเดีย 

ในปี 2566 อุตสาหกรรมอวกาศของอินเดียมีเงินทุนสูงสุดที่ 130.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 จากปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจากแผนริเริ่มสนับสนุนเทคโนโลยีดาวเทียม ยานปล่อยจรวด และการสำรวจอวกาศ

ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปี ระหว่างปี 2563-2567 สตาร์ตอัปด้านอวกาศของอินเดียระดมทุนได้ 353.5 ล้านดอลลาร์จากการระดมทุน 72 ครั้ง ด้านหน่วยงานวิจัยอวกาศของอินเดียประเมินว่า งบประมาณส่วนนี้น่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30 เพื่อสนับสนุนการสำรวจเชิงลึกและสร้างจรวดขนส่งขนาดใหญ่

ที่มา TNN