KBANK กำไรสุทธิปี 67 โต 14.60% ตั้งสำรองลดลง NPL ไม่ขยับ มองเศรษฐกิจไทยปี 68 เข้าสู่โหมดท้าทาย

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานผลประกอบการในปี 2567 ธนาคาร และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 48,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,193 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 14.60% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42,405 ล้านบาท จากการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL ลดลง 8.85% จากปี 2566

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 197,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,293 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.75% จากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร และการขยายตัวของปริมาณธุรกิจ

KBANK กำไรสุทธิปี 67 โต 14.60% ตั้งสำรองลดลง NPL ไม่ขยับ มองเศรษฐกิจไทยปี 68 เข้าสู่โหมดท้าทาย

สรุปข่าว

KBANK ทำกำไรปี 67 เติบโตได้โดดเด่น จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่ลดลง ภาพรวมตัวเลข NIM และ NPL เริ่มนิ่ง มองเศรษฐกิจไทยปี 68 เข้าสู่โหมดท้าทาย จากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 149,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 932 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.63% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ หรือ NIM อยู่ที่ 3.64% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน และมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจำนวน 48,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,361 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.86%

สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ หรือ NPL อยู่ที่ระดับ 3.18% ลดลงเล็กเน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 3.19% ด้านอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ Coverage ratio อยู่ที่ระดับ 153.27% สูงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 152.23%

ในขณะเดียวกัน KBANK มีมุมมองเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวไม่ทั่วถึง หรือ K-Shaped Recovery แม้ในภาพรวมสามารถประคองการขยายตัวไว้ได้ในระดับที่สูงกว่าปี 2566 โดยภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าบางหมวดที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยีขยายตัวได้ดี

แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังมีสัญญาณอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันต่อเนื่องจากปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ข้อจำกัดของกำลังซื้อทั้งใน และต่างประเทศ และปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับในปี 2568 แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทาง ภูมิรัฐศาสตร์ แนวโนมการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ปัญหาในภาคการผลิต และภาระหนี้เอกชนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข 

ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ที่มารูปภาพ : TNN