นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊รายหนึ่งได้โพสต์เล่าว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินไปกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท โดยได้ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากค่ายโทรศัพท์และตำรวจ
พร้อมข่มขู่ผู้สูงอายุที่เสียหายให้กลัวว่าจะนำชื่อไปใช้เป็นบัญชีม้า จึงยอมทำตามที่มิจฉาชีพบอกและโอนเงินไปยังปลายทางซึ่งเป็นชื่อบัญชีธนาคารที่เปิดโดยนิติบุคคล นำไปสู่การตรวจสอบและพบว่าสถานที่ตั้งของนิติบุคคลนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของบ้านตัวจริง
เรื่องนี้ทางกรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้เร่งตรวจสอบบริษัทตามที่ปรากฎเป็นข่าวแล้ว กรณีนี้ถือว่านิติบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1148
ที่กำหนดให้บริษัทจำกัดต้องมีสำนักงานที่ตั้งและแจ้งต่อนายทะเบียนของกรมฯ เมื่อดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน ถ้าไม่กระทำตามจะต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนของการฉ้อโกงผู้เสียหายเป็นอำนาจของตำรวจที่จะได้ดำเนินการสืบสวนนิติบุคคลรายนั้นในเชิงลึกต่อไป
ทั้งนี้ กรมไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหา บัญชีม้านิติบุคคล พร้อมช่วยคุมกำเนิดมิจฉาชีพที่จะใช้ช่องทางจัดตั้งนิติบุคคลมาหลอกประชาชน คือ ได้หารือกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อปักหมุดและแสดงภาพถ่ายที่ตั้งสำนักงานของนิติบุคคล ซึ่งจะง่ายต่อการตรวจสอบ การเตือนภัยประชาชน โดยระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองว่า นิติบุคคลนั้นไม่มีสถานที่ตั้งจริง และให้ผู้ที่มีความเสี่ยงทางการเงิน ที่อยู่ในลิสต์ HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องมาแสดงตัวต่อหน้านายทะเบียนเท่านั้นก่อนจะขอจัดตั้งนิติบุคคลได้
สรุปข่าว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊รายหนึ่งได้โพสต์เล่าว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินไปกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท โดยได้ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากค่ายโทรศัพท์และตำรวจ
พร้อมข่มขู่ผู้สูงอายุที่เสียหายให้กลัวว่าจะนำชื่อไปใช้เป็นบัญชีม้า จึงยอมทำตามที่มิจฉาชีพบอกและโอนเงินไปยังปลายทางซึ่งเป็นชื่อบัญชีธนาคารที่เปิดโดยนิติบุคคล นำไปสู่การตรวจสอบและพบว่าสถานที่ตั้งของนิติบุคคลนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของบ้านตัวจริง
เรื่องนี้ทางกรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้เร่งตรวจสอบบริษัทตามที่ปรากฎเป็นข่าวแล้ว กรณีนี้ถือว่านิติบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1148
ที่กำหนดให้บริษัทจำกัดต้องมีสำนักงานที่ตั้งและแจ้งต่อนายทะเบียนของกรมฯ เมื่อดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน ถ้าไม่กระทำตามจะต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนของการฉ้อโกงผู้เสียหายเป็นอำนาจของตำรวจที่จะได้ดำเนินการสืบสวนนิติบุคคลรายนั้นในเชิงลึกต่อไป
ทั้งนี้ กรมไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหา บัญชีม้านิติบุคคล พร้อมช่วยคุมกำเนิดมิจฉาชีพที่จะใช้ช่องทางจัดตั้งนิติบุคคลมาหลอกประชาชน คือ ได้หารือกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อปักหมุดและแสดงภาพถ่ายที่ตั้งสำนักงานของนิติบุคคล ซึ่งจะง่ายต่อการตรวจสอบ การเตือนภัยประชาชน โดยระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองว่า นิติบุคคลนั้นไม่มีสถานที่ตั้งจริง และให้ผู้ที่มีความเสี่ยงทางการเงิน ที่อยู่ในลิสต์ HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องมาแสดงตัวต่อหน้านายทะเบียนเท่านั้นก่อนจะขอจัดตั้งนิติบุคคลได้
- "ธนาคารอาคารสงเคราะห์"ปล่อยกู้สินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาท
- คาดยอดขาย"สมาร์ตโฟน"ปี 2568 โตแผ่ว
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
- ททท.เขย่าสิทธิ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ใหม่
- "ไทย"หารือดูไบ ดึงลงทุนทันสมัยหนุน"สตาร์ทอัพ"
- "กระทรวงอุตสาหกรรม"กางแผนใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท
- "กยศ."ชะลอหัก"เงินเดือน" 3พันบาทเริ่มมิ.ย.
TNNThailand