นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการประเมินราคาที่ดินว่า ในอดีตจะมีการประเมินราคาที่ดินทั้งแบบรายบล็อกและรายแปลง แต่วันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบรายแปลงทั้งหมด โดยจะมีการดึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะดาวเทียมเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการประเมินราคาที่ดินทั้งประเทศ เช่น ที่ดินที่มีถนนตัดผ่าน ที่ดินตาบอด ราคาประเมินจะไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งจะได้เห็นในการประกาศราคาประเมินรอบใหม่ในปี 2570
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการจัดทำพิมพ์เขียว (มาสเตอร์แพลน) ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนการทำงาน ทั้งในมิติของการดูแลและพัฒนาที่ราชพัสดุ การดูแลเรื่องเหรียญกษาปณ์ และการประเมินราคาที่ดิน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะมีการจัดทำกลยุทธ์กลางออกมา เพื่อตอบโจทย์ในการยกระดับมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินของรัฐ
ในส่วนที่ราชพัสดุนั้น กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการวางแผนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งด้านรายได้และด้านวัฒนธรรม และเพื่อให้การพัฒนาที่ดินราชพัสดุในแต่ละพื้นที่สอดคล้องกับศักยภาพทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีการนำร่องยกระดับการพัฒนาในที่ดินราชพัสดุที่จังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดแรก ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุอยู่ราว 12.5 ล้านราย ในส่วนนี้กรมฯ มีการบริหารจัดการเองราว 9.5 แสนไร่
ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 10,600 ล้านบาท เติบโตจากปีงบประมาณก่อนหน้า 5-10% ซึ่งมั่นในว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยแผนการทำงานหลังจากนี้กรมฯ จะไม่ได้เน้นแค่เรื่องเป้าหมายทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ด้วย โดยจะแบ่งการวัด ROA ในแต่ละด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอย่างชัดเจน
สรุปข่าว
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการประเมินราคาที่ดินว่า ในอดีตจะมีการประเมินราคาที่ดินทั้งแบบรายบล็อกและรายแปลง แต่วันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบรายแปลงทั้งหมด โดยจะมีการดึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะดาวเทียมเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการประเมินราคาที่ดินทั้งประเทศ เช่น ที่ดินที่มีถนนตัดผ่าน ที่ดินตาบอด ราคาประเมินจะไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งจะได้เห็นในการประกาศราคาประเมินรอบใหม่ในปี 2570
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการจัดทำพิมพ์เขียว (มาสเตอร์แพลน) ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนการทำงาน ทั้งในมิติของการดูแลและพัฒนาที่ราชพัสดุ การดูแลเรื่องเหรียญกษาปณ์ และการประเมินราคาที่ดิน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะมีการจัดทำกลยุทธ์กลางออกมา เพื่อตอบโจทย์ในการยกระดับมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินของรัฐ
ในส่วนที่ราชพัสดุนั้น กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการวางแผนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งด้านรายได้และด้านวัฒนธรรม และเพื่อให้การพัฒนาที่ดินราชพัสดุในแต่ละพื้นที่สอดคล้องกับศักยภาพทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีการนำร่องยกระดับการพัฒนาในที่ดินราชพัสดุที่จังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดแรก ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุอยู่ราว 12.5 ล้านราย ในส่วนนี้กรมฯ มีการบริหารจัดการเองราว 9.5 แสนไร่
ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 10,600 ล้านบาท เติบโตจากปีงบประมาณก่อนหน้า 5-10% ซึ่งมั่นในว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยแผนการทำงานหลังจากนี้กรมฯ จะไม่ได้เน้นแค่เรื่องเป้าหมายทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ด้วย โดยจะแบ่งการวัด ROA ในแต่ละด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอย่างชัดเจน
- "ธนาคารอาคารสงเคราะห์"ปล่อยกู้สินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาท
- คาดยอดขาย"สมาร์ตโฟน"ปี 2568 โตแผ่ว
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
- ททท.เขย่าสิทธิ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ใหม่
- "ไทย"หารือดูไบ ดึงลงทุนทันสมัยหนุน"สตาร์ทอัพ"
- "กระทรวงอุตสาหกรรม"กางแผนใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท
- "กยศ."ชะลอหัก"เงินเดือน" 3พันบาทเริ่มมิ.ย.
TNNThailand