นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีนำเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37 โดยยอมรับว่า “ค่อนข้างตกใจ” ที่เห็นสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขึ้นมาแล้ว โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติหลังจากนี้ รัฐบาลไทย พร้อมเจรจากับสหรัฐ เพื่อต่อรอง และไม่ให้กระทบกับภาคส่งออกมากที่สุด พร้อมทั้งเตรียมแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย
สรุปข่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีนำเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37 โดยยอมรับว่า “ค่อนข้างตกใจ” ที่เห็นสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขึ้นมาแล้ว โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติหลังจากนี้ รัฐบาลไทย พร้อมเจรจากับสหรัฐ เพื่อต่อรอง และไม่ให้กระทบกับภาคส่งออกมากที่สุด พร้อมทั้งเตรียมแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย
ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หลังจากหารือ ภาคเอกชน หอการค้า สภาหอการค้าฯ ธนาคารไทย และผู้ประกอบการไทย ผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ เบื้องต้น ตั้งรับต่อรองกับสหรัฐ ไว้ 3 มาตรการ โดยมาตรการที่1 ไทยต้องปรับโครงสร้างลดภาษีนำเข้าบางรายการ เช่น กลุ่มเกษตร ที่สหรัฐต้องการ อย่างอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลังงาน โดยจะเป็นการลงทุนในสหรัฐ
มาตรการที่ 2 เพิ่มการนำเข้าสินค้าบางรายการ ที่ไม่เคยนำเข้า
และมาตรการ ที่3. ลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าของสหรัฐ รวมถึงตรวจสอบสินค้าที่สวมสิทธิ์อย่างเข้มข้น
พร้อมยืนยันว่า ไทย พร้อมเจรจากับสหรัฐ ซึ่งไทยเคยทาบทาม ขอเป็นเจรจาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับ หากสหรัฐพร้อมเจรจา ไทย ก็พร้อมเดินทางไปเจรจาทันที
สำหรับ สินค้าส่งออกที่ได้รับผลกระทบการออกมาตรการ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ ในอัตราร้อยละ 37 โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ
เครื่องโทรศัพท์รวมถึงสมาร์ทโฟนและเครื่องโทรศัพท์อื่น ๆ // เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ //ยางรถยนต์ //
เซมิคอนดักเตอร์ // หม้อแปลงไฟฟ้า
- "ธนาคารอาคารสงเคราะห์"ปล่อยกู้สินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาท
- คาดยอดขาย"สมาร์ตโฟน"ปี 2568 โตแผ่ว
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
- ททท.เขย่าสิทธิ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ใหม่
- "ไทย"หารือดูไบ ดึงลงทุนทันสมัยหนุน"สตาร์ทอัพ"
- "กระทรวงอุตสาหกรรม"กางแผนใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท
- "กยศ."ชะลอหัก"เงินเดือน" 3พันบาทเริ่มมิ.ย.
