ปลัด"ท่องเที่ยว"เร่งจับตลาดเปย์หนักแทน"จีน"

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ต่างๆ ขึ้น 

ตั้งแต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเที่ยวไทย ซ้ำเติมด้วยแผ่นดินไหว รวมถึงปัจจัยลบจากต่างประเทศที่มีการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐและจีน 

ซึ่งไทยถูกกระทบในการขึ้นภาษีสินค้าด้วยนั้น ได้สั่งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายใหม่ในปี 2568 ให้ทำรายได้จากการท่องเที่ยวเท่ากับปี 2562 

ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโควิด-19 ให้ได้ โดยสร้างรายได้รวมที่ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาทและนักท่องเที่ยวไทย 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต่ำกว่าเป้าที่ ททท.ตั้งไว้ในปีนี้ 3 ล้าน 5 แสนล้านล้านบาท


สรุปข่าว

ปลัดท่องเที่ยวรับ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดแรง สั่งปรับกลยุทธ์เน้นขายตลาดเปย์หนัก เช่น ตลาดตะวันออกกลาง-ยุโรป พึ่งจีนน้อยลง

ส่วนเป้าหมายนการทำงานของ ททท.จะต้องปรับใหม่ผ่านการเน้นตลาดลักชัวรี่มากขึ้น อาทิ ตลาดตะวันออกกลาง ที่พฤติกรรมการท่องเที่ยวจะมาเที่ยวแบบครอบครัว หรือการเข้ามาเที่ยวเพื่อรักษาพยาบาล ส่วนนี้จะต้องรุกขายแพคเกจท่องเที่ยวควบคู่ด้วย 

โดย ททท.จะไม่ไปทุ่มจัดอีเวนท์ในตลาดที่ปลุกไม่ขึ้นในตอนนี้ โดยตลาดคุณภาพที่เล็งไว้ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต หรือยุโรปที่ตอนนี้ไม่เดินทางไปสหรัฐ ก็ต้องรีบไปชักชวนมาไทยแทน โดยเฉพาะสเปน เยอรมัน สวีเดน อังกฤษ และรวมไปถึงแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์


เมื่อปรับแผนเสร็จแล้วจะนำมาหารือกันในบอร์ด ททท.ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านท่องเที่ยว จะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยวิธีการนี้จะเร็วกว่าการจัดเวิร์คช็อปที่กว่าจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาครบพร้อมกันได้ 

รวมถึงจะมีการปรับตัวชี้วัดประสิทธิภาพการทำงาน (KPI) ของ ททท. ใหม่จากเดิมที่วัดจากจำนวนนักท่องเที่ยว เปลี่ยนมาเป็นวัดจากรายได้ของนักท่องเที่ยว 

อาทิ หากนักท่องเที่ยวจีน เข้ามา 2 คนจะนับเป็น 1 คน แต่หากนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามา 2 คนถึงให้นับเป็น 2 คน เพราะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่า เพื่อไม่เกิดกรณีเช่นปี 2567 ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่าเป้าหมาย แต่รายได้ต่ำกว่าเป้า

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN