พิษขนส่งแข่งเดือด! "KEX" ถอนตัวตลาดหุ้นไทย l การตลาดเงินล้าน

บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เนื่องจากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 81.43 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ได้ส่งหนังสือแสดงเจตนาเสนอให้เพิกถอน KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ พร้อมแจ้งความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ไม่ได้ถือโดย SFTH รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 651,017,806 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.57 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท

สรุปข่าว

KEX ประกาศถอนตัวจากตลาดหุ้นไทย ระบุเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาว เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ หลังขนส่งแข่งขันอย่างรุนแรง ยืนยันไม่กระทบลูกค้า คู่ค้า ย้ำไทยยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ SF Group ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เนื่องจากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 81.43 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ได้ส่งหนังสือแสดงเจตนาเสนอให้เพิกถอน KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ พร้อมแจ้งความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ไม่ได้ถือโดย SFTH รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 651,017,806 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.57 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท

ขอเน้นย้ำว่า การเพิกถอนหลักทรัพย์ในครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่กระทบต่อลูกค้าและคู่ค้า KEX จะยังคงให้บริการในทุกด้านตามปกติ โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาธุรกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน สำหรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น บริษัทฯจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสและยุติธรรม ซึ่งจะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ SFTH ชี้แจงถึงเหตุผลในการเสนอเพิกถอน KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ปัจจุบันบริษัทกำลังเผชิญกับสภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทายอย่างมาก ทั้งการขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านสภาพคล่อง การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการจัดส่งพัสดุด่วน เนื่องจากธุรกิจการจัดส่งพัสดุด่วนที่มีการแข่งขันสูง ประกอบกับกลยุทธ์การตั้งราคาในเชิงรุกจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม และแรงกดดันด้านราคาจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลดทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ทำให้มีผลขาดทุนติดต่อกันมาแล้วถึง 13 ไตรมาส และเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทฯ ในระยะสั้น

ภายใต้ความท้าทายมากมาย และแนวโน้มธุรกิจของที่ยังคงมีปัจจัยกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการด้านธุรกิจ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านสถานะการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของบริษัทฯ ทำให้ขาดความคล่องตัว 

นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทฯ กระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (free float) ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ และเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มการกระจายการถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านการออกหุ้นใหม่ให้กับนักลงทุนทั่วไปดังนั้น SFTH เห็นว่าควรจะทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอน KEX จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยยังคงมีสถานะเป็นบริษัทมหาชน จำกัด และจะยังปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับต่อไป 

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณารับทราบความเห็นเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และข้อเสนอของผู้ทำคำเสนอซื้อ ตลอดจนข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 

ทั้งนี้ KEX ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายการดำเนินงานในประเทศไทย ด้วยการเน้นไปที่นวัตกรรม และการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อมอบบริการที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า เพื่อการเติบโตระยะยาวในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้