รมว.คลังเชื่อรัฐบาลผ่านงบปี 69 ได้ - เจรจาการค้าสำเร็จ

รมว.คลังเชื่อรัฐบาลผ่านงบปี 69 ได้ - เจรจาการค้าสำเร็จ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมหารือกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อให้ข้อมูลโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน (โครงการ JUMP+)  และการส่งเสริมเศรษฐกิจ ชุมชน และตลาดทุน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อทำความเพื่อทำความเข้าใจกับบจ. เพราะตอนนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ประเทศไทยมีปัญหาในเชิงโครงสร้างเกือบ 10 เรื่อง ที่เป็นข้อจำกัดการเติบโตในระยะยาว ดังนั้น รัฐบาลจะไม่กระตุ้นการบริโภคโดยตรงในระยะสั้น แต่จะเน้นไปที่การลงทุนในเชิงโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นแทน ทั้งในเรื่องการจัดการน้ำ กฎเกฑ์การใช้ที่ดิน การท่องเที่ยว ถนน และพลังงาน เป็นต้น 


เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งถ้าเศรษฐกิจเติบโตได้ดีมีศักยภาพในการเติบโต จะสร้างควมเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และส่งผลบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป รวมทั้งจะผลักดันโครงการ JUMP+ ของตลาดหลักทัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพของบจ.ด้วย ขณะนี้หุ้นลงมาต่ำ ผลประกอบการบจ.ก็ลดลงมาบ้างตามผลกระทบเศรษฐกิจโลก ซึ่งอยากให้นักลงทุนปรับพฤติกรรมการลงทุนด้วย ไม่อยากให้ลงทุนระยะสั้น ซื้อเช้าขายบ่ายให้เปลี่ยมาซื้อแล้วเก็บลงทุนในระยะยาวมากขึ้น ส่วนมาตรการระยะสั้นในการดูแลตลาดหุ้นจะพยามเน้นไปที่การแก้กฎเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความเท่าเทียบ ลดช่องว่างในการเข้าถึงข้อมูลระหว่างกลุ่มนักลงทุนแต่ละประเภท ทั้งสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายย่อย เพื่อสร้างเกณฑ์ให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น 

สรุปข่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมประชุมร่วมกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนวันนี้ (20 มิ.ย.) แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถผลักดันการผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้ เพราะทุกผ่ายเห็นควสามสำคัญร่วมกัน ส่วนการเจรจาภาษีการค้าไทยกับสหรัฐไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนผ่านอย่างไรก็มั่นใจจะสามารถเจรจาได้สำเร็จ เนื่องจากเจรจาตามกรอบที่สหรัฐรับทราบแล้ว พร้อมปรับโคงสร้างเศรษฐกิจหนุนการเติบโตระยะยาวแทนการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นช่วยตลดหุ้นลงทุนยั่งยืน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมหารือกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อให้ข้อมูลโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน (โครงการ JUMP+)  และการส่งเสริมเศรษฐกิจ ชุมชน และตลาดทุน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อทำความเพื่อทำความเข้าใจกับบจ. เพราะตอนนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ประเทศไทยมีปัญหาในเชิงโครงสร้างเกือบ 10 เรื่อง ที่เป็นข้อจำกัดการเติบโตในระยะยาว ดังนั้น รัฐบาลจะไม่กระตุ้นการบริโภคโดยตรงในระยะสั้น แต่จะเน้นไปที่การลงทุนในเชิงโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นแทน ทั้งในเรื่องการจัดการน้ำ กฎเกฑ์การใช้ที่ดิน การท่องเที่ยว ถนน และพลังงาน เป็นต้น 


เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งถ้าเศรษฐกิจเติบโตได้ดีมีศักยภาพในการเติบโต จะสร้างควมเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และส่งผลบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป รวมทั้งจะผลักดันโครงการ JUMP+ ของตลาดหลักทัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพของบจ.ด้วย ขณะนี้หุ้นลงมาต่ำ ผลประกอบการบจ.ก็ลดลงมาบ้างตามผลกระทบเศรษฐกิจโลก ซึ่งอยากให้นักลงทุนปรับพฤติกรรมการลงทุนด้วย ไม่อยากให้ลงทุนระยะสั้น ซื้อเช้าขายบ่ายให้เปลี่ยมาซื้อแล้วเก็บลงทุนในระยะยาวมากขึ้น ส่วนมาตรการระยะสั้นในการดูแลตลาดหุ้นจะพยามเน้นไปที่การแก้กฎเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความเท่าเทียบ ลดช่องว่างในการเข้าถึงข้อมูลระหว่างกลุ่มนักลงทุนแต่ละประเภท ทั้งสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายย่อย เพื่อสร้างเกณฑ์ให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ที่นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบและอาจทำให้เศรษฐกิจสะดุด รัฐบาลจะผลักดันให้ผ่านสภาฯได้หรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถผลักดันงบประมาณปี 2569 ผ่านสภาไปได้ แม้การเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เพราะเรื่องงบประมาณทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และรับทราบร่วมกันอยู่แล้ว รวมไปถึงเรื่องการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ที่แม้จะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองช่วงนี้ ก็เชื่อว่าจะมีคณะทำงานเข้ามาผลักดันให้สามารถเจรจาสำเร็จ เพราะเป็นการเจรจาตามกรอบในหลักการเดิม ที่สหรัฐรับรู้ข้อเสนอจากฝ่ายไทยอยู่แล้ว เป็นไปตามกรอบ ส่วนจะสามารถเจรจากับสหรัฐได้ทันกำหนดเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. 2568 นี้ได้หรือไม่ คงต้องขึ้นกับทางสหรัฐ แต่ก็ยอมรับว่าการเจรจาของสหรัฐกับหลายๆ ประเทศก็มีการล่าช้า เพราะการเจรจาระดับประเทศอาจไม่ได้ข้อสรุปง่ายๆ  


 "อย่างที่เห็นเรื่องความเชื่อมั่น เรื่องที่กล้าลงทุน ดูจาก Index ก็คงทราบ ตลาดหลักทรัพยฯ ก็คงต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้นักลงทุนได้รู้ว่าเจ้าของกิจการรู้ปัญหา เตรียมการแก้ปัญหา เป็นที่มาของคำว่า JUMP+ ก็จะคล้ายๆ กับเกาหลีและญี่ปุ่มที่เคยทำ ในบริษัทขนาดเล็กหรือกลางไม่ต่างจากบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำกันอยู่แล้ว ตรวจสอบทุก 1-2 ปี เพื่อดูว่ามาถูกทาง ให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีที่ปรึกษาได้มีโอกาสพัฒนา ซึ่งบริษัทเล็กอาจปรับตัวง่าย และทำอะไรได้ดีกว่า เราเลยมาคุยกันวันนี้ ...ผมมีความเชื่อมั่นว่าคนที่ดูแลเรื่องนี้รู้ว่างบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ ผมเชื่อว่าใครก็แล้วแต่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกาพิจารรณา อนุมัติงบประมาณ จะทำให้มันเดินได้ต่อเนื่อง ทุกคนจะผ่านมันไปได้"  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว 

ที่มาข้อมูล : ถ่ายเอง

ที่มารูปภาพ : ถ่ายเอง