
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 33.1 บาทต่อดอลลาร์ ในกรอบการคาดการณ์ที่ 32.6 – 33.6 บาทต่อดอลลาร์ ตัวเลขนี้เป็นการปรับปรุงจากประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนเม.ย. 2568 ที่คาดการณ์ไว้ที่ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นจากปี 2567 ที่เฉลี่ย 35.3 บาทต่อดอลลาร์
โดยแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาทนี้ยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่รวบรวมโดย Bloomberg, SCB และ Goldman Sachs ซึ่งต่างมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4
สรุปข่าว
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 33.1 บาทต่อดอลลาร์ ในกรอบการคาดการณ์ที่ 32.6 – 33.6 บาทต่อดอลลาร์ ตัวเลขนี้เป็นการปรับปรุงจากประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนเม.ย. 2568 ที่คาดการณ์ไว้ที่ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นจากปี 2567 ที่เฉลี่ย 35.3 บาทต่อดอลลาร์
โดยแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาทนี้ยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่รวบรวมโดย Bloomberg, SCB และ Goldman Sachs ซึ่งต่างมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4
ทั้งนี้ ดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าสำคัญ 15 ประเทศ ในปี 2568 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 117.9 จุด ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้น 5.5% จากปีก่อนหน้า การแข็งค่านี้ได้รับแรงหนุนหลักจากค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการแข็งค่าของค่าเงินบาท การแข็งค่าของค่าเงินบาทในปี 2568 ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลักหลายประการ โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐโดยเฉพาะมาตรการ "Reciprocal Tariff" ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ที่อ้างอิงดอลลาร์ คาดว่าประเทศไทยจะสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงผ่อนปรนภาษีนำเข้ากับสหรัฐได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจและการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบในทิศทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐและความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง อีกทั้งค่าเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าขึ้นมากกว่าสกุลเงินหลักอื่นในภูมิภาาค โดยเฉพาะในช่วงปลายปีจากแรงหนุนของฤดูกาลท่องเที่ยว
- "จตุพร"อุดหนุนผู้ประกอบการไทย กระต้นศก.
- "สังคมสูงวัยโต" โอกาสอาหาร"สุขภาพ"ไทย
- "ธอส." เปิดรับสมัคร "กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์"
- "สหรัฐฯ "อนุมัติ Nvidia ส่งออก"ชิป H20" ไปจีน
- "เวียดนาม"ยกเว้นวีซ่าชาว"ต่างชาติ"ระดับหัวกะทิ
- เปิด 3 มาตรการภาษีช่วยชายแดนไทย-กัมพูชา
- "โพล"เผยคนไทยปลื้มความสำเร็จเจรจา"ภาษีสหรัฐ"
