"คนละครึ่ง" รอบใหม่ ปรับรูปแบบสิทธิจูงใจปชช. เข้าสู่ระบบภาษี

"คนละครึ่ง" รอบใหม่  ปรับรูปแบบสิทธิจูงใจปชช. เข้าสู่ระบบภาษี

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะไม่ใช่เพียงการกระตุ้นการใช้จ่ายชั่วคราว แต่มีเป้าหมายระยะยาวในการวางรากฐานเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนในการบริหารการคลังของประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ ต้องการให้โครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งประชาชนและประเทศไม่ใช่แค่การแจกเงิน แต่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยู่ในระบบภาษี และกระตุ้นการใช้จ่ายที่ยั่งยืน

สรุปข่าว

โครงการ คนละครึ่งรอบใหม่ เตรียมเดินหน้าเดือนตุลาคม 2568 โดยใช้งบประมาณราว 25,000 ล้านบาท เน้นสร้างแรงจูงใจระยะยาว ไม่ใช่แค่แจกเงินชั่วคราว ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สิทธิพิเศษ 60:40 ส่วนประชาชนทั่วไปและบัตรสวัสดิการยังคง 50:50 เช่นเดิม รัฐบาลอาจขยายวงเงิน-เพิ่มสิทธิครอบคลุมผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และยืนยันไม่มีการตรวจสอบภาษีย้อนหลังร้านค้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะไม่ใช่เพียงการกระตุ้นการใช้จ่ายชั่วคราว แต่มีเป้าหมายระยะยาวในการวางรากฐานเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนในการบริหารการคลังของประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ ต้องการให้โครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งประชาชนและประเทศไม่ใช่แค่การแจกเงิน แต่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยู่ในระบบภาษี และกระตุ้นการใช้จ่ายที่ยั่งยืน

ด้าน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะแบ่งสิทธิออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ราว 11 ล้านคน จะได้รับสิทธิพิเศษ รัฐช่วยจ่าย ร้อยละ 60 และประชาชนจ่ายเอง ร้อยละ 40 หรือรูปแบบ 60:40 //ประชาชนทั่วไปและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังคงได้รับสิทธิแบบเดิม คือ 50 : 50 รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง และประชาชนออกครึ่งหนึ่ง

หลักเกณฑ์โครงการจะยังคงใกล้เคียงกับคนละครึ่งเดิมประมาณ ร้อยละ 80-90 เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน แต่จะมีการเพิ่มความน่าสนใจใหม่ เช่น สิทธิ 60:40 สำหรับผู้เสียภาษี เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและทำให้โครงการมีความน่าสนใจมากขึ้น

แม้ขณะนี้จะยังอยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียด แต่หลักการสำคัญ คือ การรักษาความต่อเนื่องของโครงการเดิม และสร้างแรงจูงใจใหม่ให้กับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยงบประมาณเบื้องต้น หากโครงการเริ่มเดือนตุลาคม 2568 จะใช้งบประมาณปี 2569 ในหมวดงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินราว 25,000 ล้านบาท โดยหากความต้องการขยายวงเงินหรือเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ รัฐบาลอาจพิจารณาดึงงบฯกลางจากรายการอื่นมาสนับสนุน

ขณะที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ว่าที่รัฐมนตรีคลังกำลังเก็บข้อมูลและเตรียมรายละเอียดอย่างเร่งด่วน โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่ามีงบประมาณรองรับแล้วราว 25,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทันที หาก ครม.ชุดใหม่เริ่มทำงานและอนุมัติ โดยเชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์หลัง ครม.เริ่มทำงาน ก็น่าจะเดินหน้าโครงการได้ทันที พร้อมเสริมว่า นายกรัฐมนตรีเองก็มีแนวโน้มอยากขยายวงเงินมากกว่า 25,000 ล้านบาท หากมีความจำเป็นและงบประมาณเอื้ออำนวย

ด้านกลุ่มเป้าหมาย แม้รอบก่อนจะจำกัดสิทธิให้เฉพาะผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและกลุ่มเปราะบาง แต่รอบใหม่นี้อาจมีการขยายสิทธิให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา

สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วม ผู้ค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง หากขายดีจนต้องเสียภาษี นั่นเป็นหน้าที่ปกติ แต่จะไม่มีการเช็กบิลย้อนหลัง ส่วนสินค้าต้องห้ามที่จะใช้ในโครงการ คาดว่าจะยังคงเดิม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีใหม่มีมติอนุมัติ โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะเปิดให้ใช้สิทธิได้เร็วที่สุดในเดือนตุลาคม 2568 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดมาตรการที่ได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ที่มาข้อมูล : กระทรวงการคลัง

ที่มารูปภาพ : Getty Images