นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. พบว่าไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชามีสัดส่วนสูงผิดปกติ โดยในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2466 10 เท่า หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 105,000 ล้านบาท
ขณะที่ ปี 2568 ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มีการส่งออกไปแล้ว 71,000 ล้านบาท และในเฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทยกัมพูชา แต่กลับพบว่าเดือนเดียวมีการส่งออกทองคำไปถึง 8,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19-20 เมื่อเทียบช่วงเดียวกับปีก่อน
สรุปข่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. พบว่าไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชามีสัดส่วนสูงผิดปกติ โดยในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2466 10 เท่า หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 105,000 ล้านบาท
ขณะที่ ปี 2568 ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มีการส่งออกไปแล้ว 71,000 ล้านบาท และในเฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทยกัมพูชา แต่กลับพบว่าเดือนเดียวมีการส่งออกทองคำไปถึง 8,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19-20 เมื่อเทียบช่วงเดียวกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้กรมศุลกากรและกระทรวงพาณิชย์จะออกมายืนยันว่า การส่งออกทองคำ ไม่มีความผิดปกติ นั้น แต่ทางภาคเอกชนอยากให้มีการตรวจสอบเชิงลึก ไปถึงผู้ซื้อและผู้ขายทองคำระหว่างสองประเทศ รวมถึงตรวจสอบความต้องการเงินบาทที่สูงผิดธรรมชาติ
เนื่องจากเคยเกิดกรณีศึกษา อย่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์และดูไบ จากประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีการซื้อขายทองคำในสกุลดอลล่าร์ และนำกลับมาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินของตัวเอง ส่งผลให้ค่าเงินของทั้งสองประเทศแข็งค่า จนส่งผลต่อเศรษฐกิจในลักษณะนี้เช่นกัน
ดังนั้นภาคเอกชน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจน ว่าทำไมประเทศไทยถึงมีการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาสัดส่วนสูงผิดปกติ
ทั้งนี้ หากไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน ก็จะทำให้การแก้ปัญหาค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าอยู่ขณะนี้ ทำได้ไม่ตรงจุด และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะยาวได้
