บริษัท Meta ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีเสมือนจริง เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงานประชุมใหญ่ประจำปี Meta Connect ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เมนโลพาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยไฮไลต์คือการเผยโฉม แว่นตาอัจฉริยะรุ่นแรกที่มีจอแสดงผลในตัว ซึ่งถือเป็นการขยายกลยุทธ์ของ Meta ในการผลักดันเสมือนจริงหรือ Augmented Reality (AR) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
แว่นตารุ่นใหม่นี้ มีรหัสภายในว่า "Hypernova" และคาดว่าจะวางจำหน่ายในชื่อทางการว่า "Celeste" นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาจำหน่ายจะอยู่ราว 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,351 บาท ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Ray-Ban Smart Glasses ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 299 ดอลลาร์ และรุ่น Oakley ที่ 399 ดอลลาร์
คุณสมบัติสำคัญคือการมี จอดิจิทัลขนาดเล็กในเลนส์ขวา ใช้สำหรับการแจ้งเตือนหรือฟังก์ชันพื้นฐาน แม้ไม่ล้ำสมัยเท่าต้นแบบ "Orion" ที่ Meta เคยนำเสนอเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถูกขนานนามว่า "ไทม์แมชชีนสู่อนาคต" แต่ก็สะท้อนถึงทิศทางใหม่ที่ Meta ต้องการขับเคลื่อนสู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
สรุปข่าว
บริษัท Meta ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีเสมือนจริง เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงานประชุมใหญ่ประจำปี Meta Connect ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เมนโลพาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยไฮไลต์คือการเผยโฉม แว่นตาอัจฉริยะรุ่นแรกที่มีจอแสดงผลในตัว ซึ่งถือเป็นการขยายกลยุทธ์ของ Meta ในการผลักดันเสมือนจริงหรือ Augmented Reality (AR) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
แว่นตารุ่นใหม่นี้ มีรหัสภายในว่า "Hypernova" และคาดว่าจะวางจำหน่ายในชื่อทางการว่า "Celeste" นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาจำหน่ายจะอยู่ราว 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,351 บาท ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Ray-Ban Smart Glasses ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 299 ดอลลาร์ และรุ่น Oakley ที่ 399 ดอลลาร์
คุณสมบัติสำคัญคือการมี จอดิจิทัลขนาดเล็กในเลนส์ขวา ใช้สำหรับการแจ้งเตือนหรือฟังก์ชันพื้นฐาน แม้ไม่ล้ำสมัยเท่าต้นแบบ "Orion" ที่ Meta เคยนำเสนอเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถูกขนานนามว่า "ไทม์แมชชีนสู่อนาคต" แต่ก็สะท้อนถึงทิศทางใหม่ที่ Meta ต้องการขับเคลื่อนสู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ Meta ยังเตรียมเปิดตัว สายรัดข้อมือควบคุมด้วยท่ามือ เพื่อใช้ร่วมกับแว่นตารุ่นใหม่ รวมถึงการอัปเดตแว่น Ray-Ban รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกล้องและแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมฟีเจอร์ AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ของ Meta ไม่เพียงแต่เรื่องราคาแว่นตาที่สูงเกินตลาดทั่วไป แต่ยังรวมถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้านความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน หลังมีรายงานว่า นโยบาย AI ของ Meta เคยอนุญาตให้แชตบอตโต้ตอบเชิงยั่วยวนกับผู้เยาว์ และยังมีการเปิดเผยจากผู้แจ้งเบาะแสว่า Meta พยายามเลี่ยงการตรวจสอบผลกระทบของเทคโนโลยี VR ต่อเด็กเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
ตั้งแต่ปี 2020 ซีอีโอ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ลงทุนกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ในหน่วยพัฒนา AR และย้ำว่าแว่นตาอัจฉริยะจะเป็นสะพานหลัก ที่นำพา AI อัจฉริยะเหนือมนุษย์เข้าสู่ชีวิตประจำวัน ซึ่ง Meta เชื่อว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ OpenAI
ด้านตลาด แม้ Meta จะสามารถสร้างยอดขายแว่น Ray-Ban ร่วมกับ EssilorLuxottica ได้ราว 2 ล้านคู่ตั้งแต่ปี 2023 แต่หน่วยธุรกิจนี้ยังคงขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ด้วยราคาที่สูงถึง 800 ดอลลาร์และดีไซน์ที่ยังค่อนข้างเทอะทะ ยอดขายของรุ่นใหม่จะจำกัดเพียงไม่กี่แสนเครื่อง แต่ก็อาจช่วยดึงดูดนักพัฒนาแอปพลิเคชันให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างอุปกรณ์สวมใส่ที่เข้าถึงตลาดวงกว้างในอนาคต
นักวิเคราะห์บางรายยังเผยว่า Meta อาจจับมือกับ แบรนด์แฟชั่น Prada เพื่อนำเสนอแว่นในสไตล์กรอบหนาและแขนแว่นที่รองรับการซ่อนอุปกรณ์ภายใน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการจับคู่ที่น่าสนใจระหว่างเทคโนโลยีและแฟชั่นระดับโลก
งานประชุม Connect ปีนี้จึงไม่เพียงสะท้อนทิศทางใหม่ด้านเทคโนโลยีของ Meta แต่ยังสะท้อนความพยายามฟื้นความเชื่อมั่นจากทั้งนักลงทุนและสังคม หลังเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการจัดการด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะต่อผู้ใช้งานที่เป็นเด็กและเยาวชน ขณะที่เส้นทางสู่อนาคตโลก AR และ AI ของ Meta ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งด้านเทคโนโลยี การแข่งขัน และความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก
ที่มาข้อมูล : https://www.reuters.com/business/meta-debut-costlier-smart-glasses-with-display-annual-connect-event-2025-09-16
ที่มารูปภาพ : -
