“เงินเฟ้อสิงคโปร์” พุ่งร้อยละ 1.2 สูงสุดรอบ 1 ปี

Share on Line Share on Facebook Share on X
“เงินเฟ้อสิงคโปร์” พุ่งร้อยละ 1.2 สูงสุดรอบ 1 ปี

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 และสูงกว่าคาดการณ์เฉลี่ย 0.9% จากโพลของรอยเตอร์ รวมถึงสูงกว่า 0.7% ในเดือนกันยายน ก่อนหน้านี้อัตราเงินเฟ้อเพิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือนสิงหาคม

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุว่า เงินเฟ้อทั่วไปปรับขึ้นจากราคาขนส่งที่เพิ่มขึ้น 3.4% ขณะเดียวกันค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้น 4% ทำสถิติสูง จึงเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อโดยรวม สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาบริการ อาหาร และสินค้ารีเทลที่สูงขึ้น รวมถึงราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซที่ลดลงน้อยกว่าก่อนหน้า


สรุปข่าว

“เงินเฟ้อสิงคโปร์” พุ่ง 1.2% สูงสุดรอบ 1 ปี สวนทางการส่งออกที่ยังผันผวน แต่รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจแกร่ง ปรับประมาณการจีดีพีปี 2568 ขึ้นเป็น 4%

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 และสูงกว่าคาดการณ์เฉลี่ย 0.9% จากโพลของรอยเตอร์ รวมถึงสูงกว่า 0.7% ในเดือนกันยายน ก่อนหน้านี้อัตราเงินเฟ้อเพิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือนสิงหาคม

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุว่า เงินเฟ้อทั่วไปปรับขึ้นจากราคาขนส่งที่เพิ่มขึ้น 3.4% ขณะเดียวกันค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้น 4% ทำสถิติสูง จึงเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อโดยรวม สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาบริการ อาหาร และสินค้ารีเทลที่สูงขึ้น รวมถึงราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซที่ลดลงน้อยกว่าก่อนหน้า


ทั้งนี้ สิงคโปร์ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2568 เป็น 4% จากเดิม 1.5%–2.5% หลังตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสามขยายตัวโดดเด่น ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 3 เติบโต 4.2% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และต่อเนื่องจากการขยายตัว 4.7% ในไตรมาส 2 กระทรวงฯ ระบุว่าเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งกว่าที่คาด แต่เตือนว่าการเติบโตในปี 2569 อาจชะลอลง เนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐกดดันอุปสงค์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม แม้สิงคโปร์มีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2547 แต่สินค้าส่งออกไปสหรัฐยังคงเผชิญภาษีพื้นฐาน 10% ขณะที่เศรษฐกิจของสิงคโปร์พึ่งพาการค้าอย่างมาก โดยสัดส่วนการค้าเทียบ GDP อยู่ที่กว่า 320% ในปี 2567 ตามข้อมูลธนาคารโลก


นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 การส่งออก NODX (ไม่รวมสินค้าเชิงพลังงาน) ลดลง 3.3% เมื่อเทียบรายปี จากการชะลอตัวของการส่งออกยาและปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม NODX กลับเพิ่มขึ้นถึง 22.2% จากปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกทองคำที่ไม่ใช่เพื่อการเงิน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

ทางด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2568 จะอยู่ในช่วง 0.5%–1% และยังคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมในการประชุมเดือนตุลาคม โดยระบุว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตแข็งแกร่งกว่าที่ประเมินก่อนหน้า

ที่มาข้อมูล : สำนักข่าว CNBC

ที่มารูปภาพ : TNN