
บริษัทวิจัย IDC ระบุว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกในปี 2569 มีแนวโน้มหดตัวร้อยละ 0.9 เนื่องจากเนื่องจากราคาชิปหน่วยความจำ หรือเมโมรีชิปสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แนวโน้มดังกล่าวพลิกกลับจากในปีนี้ที่ยอดขายสมาร์ตโฟนที่น่าจะอยู่ที่ราว 1.25 พันล้านเครื่อง ขยายตัวร้อยละ 1.5 โดยได้แรงหนุนจากผลงานที่แข็งแกร่งของค่าย “แอปเปิล” และการฟื้นตัวของตลาดจีน
“แอปเปิล” กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่ายอดจัดส่งสินค้าน่าจะอยู่ที่ 247 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เนื่องจากความต้องการ “ไอโฟน 17” (iPhone 17) เพิ่มขึ้น
สรุปข่าว
บริษัทวิจัย IDC ระบุว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกในปี 2569 มีแนวโน้มหดตัวร้อยละ 0.9 เนื่องจากเนื่องจากราคาชิปหน่วยความจำ หรือเมโมรีชิปสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แนวโน้มดังกล่าวพลิกกลับจากในปีนี้ที่ยอดขายสมาร์ตโฟนที่น่าจะอยู่ที่ราว 1.25 พันล้านเครื่อง ขยายตัวร้อยละ 1.5 โดยได้แรงหนุนจากผลงานที่แข็งแกร่งของค่าย “แอปเปิล” และการฟื้นตัวของตลาดจีน
“แอปเปิล” กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่ายอดจัดส่งสินค้าน่าจะอยู่ที่ 247 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เนื่องจากความต้องการ “ไอโฟน 17” (iPhone 17) เพิ่มขึ้น
ส่วนจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่สุดของ “แอปเปิล” ความต้องการไอโฟน 17 ก็สูงขึ้นมาก ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่กว่าร้อยละ 20 ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน พลิกกลับจากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ยอดขายจะลดลง 1 และทำให้มีการปรับคาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ยอดขายของ “แอปเปิล” ทั่วโลกในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2.61 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 7.2 จากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2569 ตลาดสมาร์ตโฟนมีแนวโน้มหดตัว ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนและการตัดสินใจของ “แอปเปิล” ที่อาจจะเลื่อนการเปิดตัว “ไอโฟน” รุ่นใหม่ออกไปเป็นต้นปี 2570
IDC ระบุด้วยว่า ปัญหาขาดแคลนเมโมรีชิปทั่วโลกที่ยังคงดำเนินอยู่น่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณชิปในการผลิตและทำให้ต้นทุนสูงขึ้น โดยจะส่งผลต่ออุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในกลุ่มราคาต่ำและปานกลางมากที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคมีความอ่อนไหวต่อราคามากกว่า
แม้ว่ายอดขายสมาร์ตโฟนจะลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยในปีหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 465 ดอลลาร์ ทำให้มูลค่ารวมของตลาดพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.789 แสนล้านดอลลาร์
ที่มาข้อมูล : บริษัทวิจัย IDC
ที่มารูปภาพ : TNN
