"ขายชอร์ตไม่ใช่ผู้ร้าย แต่สร้างผลตอบแทนได้ในตลาดขาลง" WEALTH STORY I WEALTH LIVE

การลงทุนในหุ้นสามัญ นอกเหนือจากการเข้าซื้อหุ้นเพื่อต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้วนั้น นักลงทุนยังสามารถสร้างผลตอบแทนเมื่อตลาดในภาพรวมอยู่ในทิศทางที่เป็นขาลงได้ด้วยเช่นกัน ด้วยธุรกรรม “ขายชอร์ต” ผ่าน SBL

สรุปข่าว

การขายชอร์ตจะสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรในขณะที่ตลาดอยู่ในทิศทางขาลง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง และยังมีความเสี่ยงด้านราคาที่อาจจะทำให้ขาดทุน รวมถึงมีหุ้นเพียงบางตัวเท่านั้นที่สามารถขายชอร์ตได้ ทำให้การขายชอร์ตนับเป็นธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน

 การขายชอร์ตเป็นธุรกรรมที่กระทำผ่าน Securities Borrowing and Lending หรือ SBL ซึ่งการขายชอร์ตนั้นถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ทำกำไรในภาวะตลาดที่เป็นขาลง โดยผู้ที่ไม่มีหุ้นแต่ประเมินว่าราคาจะปรับลดลง ก็สามารถยืมหุ้นมาเพื่อขายชอร์ต และซื้อคืนเมื่อราคาปรับลดลงตามที่ประเมินเอาไว้ 

 โดยนักลงทุนจะทำการยืมหุ้นที่ตัวเองต้องการนำมาขายชอร์ตผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อจับคู่กับผู้ที่ต้องการให้ยืมหุ้น เมื่อจับคู่หุ้นได้แล้วผู้ยืมหุ้นที่ต้องการขายชอร์ตจะทำการขายหุ้นออกไปในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาล่าสุด

 การจะขายชอร์ตได้นั้นจะต้องวางเงินหลักประกันคิดเป็น 150% ของมูลค่าหุ้นที่ยืม โดยต้องวางเงินสดก่อนยืมหุ้นเท่ากับ 50% หลังจากนั้นนำหุ้นที่ยืมมาขายชอร์ต โดยที่เงินจากการขายหุ้นนี้จะถูกนำเข้าเป็นหลักประกันด้วยเช่นกัน 

 โดยหากราคาหุ้นที่นักลงทุนขายชอร์ตไว้นั้นปรับตัวลดลงตามที่คาดการณ์ ก็สามารถซื้อหุ้นคืนในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่ยืมหุ้นมา ก็จะได้กำไรจากการขายชอร์ต แต่ถ้าหากราคาหุ้นที่ขายชอร์ตปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ก็จะทำให้เกิดผลขาดทุน และยังมีค่าธรรมเนียมในการยืมหุ้นเป็นต้นทุนที่แฝงอยู่ด้วย 

 ทั้งนี้ “การขายชอร์ต” นักลงทุนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกับ “การทุบหุ้น” ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ซึ่งในความเป็นจริงหากเปรียบเทียบดัชนี SET Index กับปริมาณธุรกรรมขายชอร์ตจะพบว่าดัชนี SET Index ไม่ได้ปรับตัวลดลงตามปริมาณธุรกรรมการขายชอร์ตที่เพิ่มขึ้น