การปรับกลยุทธ์การลงทุนเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาพรวมเศรษฐกิจ หรือปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนเปลี่ยนไป นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งการปรับกลยุทธ์โดยใช้เครื่องมือการลงทุน ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมนั่นคือ “การลงทุนในอนุพันธ์”
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ หรือ “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า” คือ ตราสารทางการเงินที่เป็นสัญญามาตรฐานที่ระบุปริมาณ ระยะเวลาซื้อขาย และราคาซื้อขายในปัจจุบัน ที่ใช้ในการซื้อ หรือขายสินค้าอ้างอิงที่ระบุไว้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ดัชนีราคาหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตร ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งจังหวะที่ตลาดเป็นขาขึ้น และขาลง
สรุปข่าว
การปรับกลยุทธ์การลงทุนเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาพรวมเศรษฐกิจ หรือปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนเปลี่ยนไป นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งการปรับกลยุทธ์โดยใช้เครื่องมือการลงทุน ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมนั่นคือ “การลงทุนในอนุพันธ์”
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ หรือ “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า” คือ ตราสารทางการเงินที่เป็นสัญญามาตรฐานที่ระบุปริมาณ ระยะเวลาซื้อขาย และราคาซื้อขายในปัจจุบัน ที่ใช้ในการซื้อ หรือขายสินค้าอ้างอิงที่ระบุไว้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ดัชนีราคาหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตร ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งจังหวะที่ตลาดเป็นขาขึ้น และขาลง
โดยการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จะต้องทำการซื้อขายกันในตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือ futures exchange ซึ่งอาจจะมีการส่งมอบสินค้าจริง ๆ หรือ เป็นเพียงการชำระส่วนต่างราคาก็ได้ เช่น ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ อาจจะมีการส่งมอบทองคำกันจริง ๆ หรือแค่ชำระราคาส่วนต่างของราคาทองคำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมี 2 ลักษณะคือ
สัญญาฟิวเจอร์ส เป็นสัญญาที่มีมาตรฐาน เป็นภาระผูกพันที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตาม ฝ่ายผู้ซื้อฟิวเจอร์สจะเรียกว่ามีสถานะซื้อ หรือ Long Position ในขณะที่ฝ่ายผู้ขายจะเรียกว่ามีสถานะขาย หรือ Short Position โดยสัญญาฟิวเจอร์สนั้นสามารถที่จะอ้างอิงในสินค้าได้หลากหลายประเภท แต่ที่ได้รับความนิยมก็จะเป็นสินค้าที่อ้างอิงในดัชนีราคาหลักทรัพย์ เช่น SET50 Futures เป็นต้น
สัญญาออปชั่น คือสัญญาที่ผู้ซื้อได้รับ “สิทธิซื้อ” หรือ “สิทธิขาย” สินทรัพย์อ้างอิงตามราคา จำนวน และระยะเวลาที่ระบุไว้จากผู้ขาย โดยผู้ซื้อต้องจ่าย “ค่าพรีเมียม” และสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ แต่ผู้ขายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา หากผู้ซื้อขอใช้สิทธิ
โดยข้อจำกัดในการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง คือการไม่ได้รับผลตอบแทนจากสินทรัพย์นั้น เช่น เงินปันผล เป็นต้น หรือจะเป็นข้อจำกัดในเรื่องของอายุของสัญญาที่มีจำกัด และที่สำคัญความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงที่สูง ก็จะส่งผลต่อกำไร หรือขาดทุนจากการลงทุนที่สูงเช่นกัน ที่สำคัญ การลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นมี Leverage หรือจํานวนเท่า หรือเปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนเทียบกับเงินที่ใช้ลงทุนจริง ซึ่ง Leverage ยิ่งสูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น
- G-Token คืออะไร? การลงทุนรูปแบบใหม่ หวังดึง Gen Z-คนรุ่นใหม่ ออมสินทรัพย์ดิจิทัล ค้ำด้วยพันธบัตรรัฐ
- ไทยติดเรดาร์การค้าโลก! "Geopolitical Pivot" ปลดล็อกโอกาสลงทุน SET ฟื้นตัว
- สายลดหย่อนภาษีไม่ควรพลาด! โยก LTF ไป ThaiESGX ภายใน 30 มิถุนายน 2568
- "วอร์เรน บัฟเฟตต์" จากนักลงทุนที่หลีกเลี่ยงเทคโนโลยีสู่หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Apple
- จับตาสินทรัพย์ ที่อาจพุ่งแรงต่อจากทองคำ
- นักวิเคราะห์แนะเก็งกำไร 'หุ้นไทย' ระยะสั้น (เป้า 1250) ชี้ พ.ค. ไม่น่าเกิด Sell in may
- ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond
ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย/สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ที่มารูปภาพ : Canva
TNNThailand