ดัชนีอื่นๆในตลาดก็ปรับลดลงเช่นกัน ได้แก่

S&P500

ปิดที่ 5,396.63 จุด ลดลง 9.34 จุด (-0.17%)

Nasdaq

ปิดที่ 16,823.17 จุด ลดลง 8.32 จุด (-0.05%)

ประเด็นภาษีศุลกากรกระทบกลุ่มหุ้นหลัก

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ฉุดตลาดคือความไม่แน่นอนของการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าเป็นเพียง "มาตรการชั่วคราว" ส่งผลให้เกิดความกังวลในกลุ่มนักลงทุน

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เริ่มการสอบสวนการนำเข้า ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีใหม่ในอนาคต ทำให้หุ้นในกลุ่มเฮลธ์แคร์และเทคโนโลยีเผชิญแรงกดดัน

หุ้นเด่นที่ได้รับผลกระทบ

หุ้นโบอิ้ง (Boeing)

ร่วง 2.4% หลังมีรายงานว่าจีนสั่งระงับการรับมอบเครื่องบินล็อตใหม่ เพื่อโต้ตอบนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
Johnson & Johnson (J&J)
ปรับตัวลง 0.5% แม้รายได้รวมสูงกว่าคาด แต่ยอดขายอุปกรณ์การแพทย์ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมิน

กลุ่มยานยนต์

อย่าง Ford และ GM ลดลง 2.7% และ 1.3% ตามลำดับ จากความกังวลผลกระทบด้านต้นทุนจากภาษีนำเข้า
หุ้นกลุ่มธนาคารโดดเด่นท่ามกลางตลาดขาลง

ในขณะที่กลุ่มหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงขาย หุ้นกลุ่มการเงินโดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่กลับฟื้นตัวได้ดี
    •    Bank of America พุ่งขึ้น 3.6%
    •    Citigroup เพิ่มขึ้น 1.7%

ทั้งสองธนาคารรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาสุนทรพจน์ "พาวเวล" ชี้ทิศทางเศรษฐกิจ

นักลงทุนทั่วโลกจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในงาน Economic Club of Chicago วันที่ 16 เมษายนนี้ เวลา 13.30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต