เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ในวันอังคาร (22 เมษายน 2568 ) รายได้รวมลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3.15 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 15% จากปีก่อน ขณะที่กำไรต่อหุ้นร่วงลงมาอยู่ที่ 27 เซนต์ จาก 45 เซนต์เมื่อปีที่แล้ว
เทสลาระบุว่า รายได้ที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากการส่งมอบรถยนต์ที่ลดลง รวมถึงราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ที่ถูกลง พร้อมกับเสริมว่า กำไรจากการดำเนินงานดิ่งลง 66% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 0.4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.1%
เทสลาส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสที่ 1/2568 รวมทั้งสิ้น 336,681 คัน ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทผลิตรถยนต์ได้ 362,615 คันในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งลดลง 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เทสลายอมรับว่า สถานการณ์ภาษีศุลกากรในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานของบริษัทมากกว่าธุรกิจรถยนต์ และเทสลากำลังดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพของธุรกิจในระยะกลาง-ยาว รวมทั้งจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจ
สรุปข่าว
ขณะที่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา (Tesla) กล่าวระหว่างการรายงานผลประกอบการของบริษัทในวันอังคาร (22 เมษายน 2568 ) ว่า เขาจะใช้เวลากับกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency – DOGE) น้อยลง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
มัสก์กล่าวว่า เขาจะลดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ DOGE ลงอย่างมาก และระบุเสริมว่า เขาจะยังคงใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันต่อสัปดาห์ในการจัดการกับประเด็นของรัฐบาล “เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายสิ้นเปลืองและการทุจริตที่เราหยุดยั้งไว้จะไม่กลับมาอีก”
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มัสก์ได้เคยกล่าวไว้ว่า การที่เขาทุ่มเทให้กับการนำกระทรวงดังกล่าว ทำให้เขาไม่มีเวลาพอในการดูแลเทสลา ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่า เขาจะสามารถเป็นผู้นำบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวซินหัว Tesla
ที่มารูปภาพ : Freepik canva
