
สรรพากร เล็งผ่อนเกณฑ์ เกณฑ์เงินได้จากต่างประเทศ หากนำกลับก่อน 2 ปีไม่เสียภาษี หวังดึงเงินลงทุนเข้าไทย ชี้คนไทยมีสินทรัพย์ในต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ โดยคนไทยที่มีรายได้ในต่างประเทศหากนำเงินเข้ามาในประเทศภายในปีที่เกิดรายได้หรือปีถัดไป จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากนำเข้ามาหลังจากนั้นจะมีการจัดเก็บภาษีตามปกติ
โดยที่มาของการแก้กฎหมายมาจากการที่ก่อนหน้านี้การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทยกฎหมายกำหนดให้ เก็บภายใต้ 2 หลัก คือ
1. ที่มาของเงินได้ เช่น เงินเดือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องเสียภาษีทั้งหมด
2.ถิ่นที่อยู่อาศัย โดยกำหนดให้ผู้ที่อาศัยในประเทศไทยเกิน 180 วัน ถือว่ามีหน้าที่เสียภาษี
เช่น นักกีฬาไทยที่ไปแข่งและได้รางวัลที่ต่างประเทศ หากอยู่ไทยไม่ถึง 180 วันก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเกิน 180 วัน ต้องเข้าอีกเงื่อนไข คือ เงินได้ต้องเกิดขึ้นและนำเข้าในปีเดียวกัน ต้องยื่นภาษีในช่วง 3 เดือนแรกของปีถัดไป (ช่วง มกราคม-มีนาคม ) ต่อมากรมสรรพากรมองว่าควรปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยกำหนดให้ไม่ว่าจะนำรายได้จากต่างประเทศกลับเข้ามาในปีใดก็ต้องเสียภาษี
สรุปข่าว
สรรพากร เล็งผ่อนเกณฑ์ เกณฑ์เงินได้จากต่างประเทศ หากนำกลับก่อน 2 ปีไม่เสียภาษี หวังดึงเงินลงทุนเข้าไทย ชี้คนไทยมีสินทรัพย์ในต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ โดยคนไทยที่มีรายได้ในต่างประเทศหากนำเงินเข้ามาในประเทศภายในปีที่เกิดรายได้หรือปีถัดไป จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากนำเข้ามาหลังจากนั้นจะมีการจัดเก็บภาษีตามปกติ
โดยที่มาของการแก้กฎหมายมาจากการที่ก่อนหน้านี้การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทยกฎหมายกำหนดให้ เก็บภายใต้ 2 หลัก คือ
1. ที่มาของเงินได้ เช่น เงินเดือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องเสียภาษีทั้งหมด
2.ถิ่นที่อยู่อาศัย โดยกำหนดให้ผู้ที่อาศัยในประเทศไทยเกิน 180 วัน ถือว่ามีหน้าที่เสียภาษี
เช่น นักกีฬาไทยที่ไปแข่งและได้รางวัลที่ต่างประเทศ หากอยู่ไทยไม่ถึง 180 วันก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเกิน 180 วัน ต้องเข้าอีกเงื่อนไข คือ เงินได้ต้องเกิดขึ้นและนำเข้าในปีเดียวกัน ต้องยื่นภาษีในช่วง 3 เดือนแรกของปีถัดไป (ช่วง มกราคม-มีนาคม ) ต่อมากรมสรรพากรมองว่าควรปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยกำหนดให้ไม่ว่าจะนำรายได้จากต่างประเทศกลับเข้ามาในปีใดก็ต้องเสียภาษี
อย่างไรก็ตามจากกฎหมายแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศที่ได้บังคับใช้แล้วทำให้กรมสรรพากรเห็นข้อมูลของผู้มีเงินได้ในต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าควรแก้กฎหมายโดยปรับเกณฑ์ให้ผู้มีเงินได้จากต่างประเทศนำเงินกลับเข้ามาเพื่อลงทุนในประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขคือจะยกเว้นภาษีหากนำเงินได้กลับเข้ามาในประเทศภายใน 2 ปี คือปีที่เงินได้เกิดขึ้นหรือปีถัดไป เช่น หากมีเงินได้ปี 2568 แล้วนำเงินได้มาในปี 2568 หรือ ปี 2569 จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ถ้านำเข้ามาในปี 2570 จะต้องเสีย โดยเหตุผลที่เว้นระยะให้ 2 ปี คือ เผื่อเวลาให้กรณีที่บางบริษัทจ่ายเงินปันผลให้ในช่วงปลายปีแล้วจะนำเงินกลับเข้ามาไม่ทัน
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า วัตถุประสงค์คือเป็นการจูงใจ เราอยากให้เขาเอาเงินมาลงทุนในเมืองไทย ถ้าเขาเอามาซื้อหุ้น หุ้นก็อาจจะขึ้น เราอยากให้เขานำเงินเข้ามาก็เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีเงินหรือทรัพย์สินของผู้มีรายได้จากต่างประเทศหมุนเวียนอยู่นอกประเทศ เช่น ในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดที่ซื้อขายที่ดิน รวมประมาณ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่รายได้ที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินดังกล่าว เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ซึ่งเป็นส่วนที่หากนำเข้ามาในประเทศแล้วต้องเสียภาษีจะอยู่ที่ประมาณแสนล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าวและจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในรอบการยื่นภาษี มกราคม-มีนาคม 2569 หรือนับรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ที่มาข้อมูล : กรมสรรพากร
ที่มารูปภาพ : Freepik สรรพากร