
เงินบาทแข็งค่าแตะ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (30 พฤษภาคม 2568) ที่ระดับ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 32.71 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างคืนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในกรอบ 32.51–32.78 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแรงรีบาวด์ของราคาทองคำ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าไว้ที่ 32.40–32.75 บาทต่อดอลลาร์
สรุปข่าว
เงินบาทแข็งค่าแตะ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสหรัฐฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (30 พฤษภาคม 2568) ที่ระดับ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 32.71 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างคืนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในกรอบ 32.51–32.78 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแรงรีบาวด์ของราคาทองคำ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าไว้ที่ 32.40–32.75 บาทต่อดอลลาร์
ปัจจัยกดดันดอลลาร์-หนุนเงินบาท
เงินบาทได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่นักลงทุนกลับมา ขายเงินดอลลาร์ หลังเกิดความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ล่าสุดศาลอุทธรณ์ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ (CIT) ที่เคยสั่งระงับมาตรการภาษีนำเข้าชั่วคราว ส่งผลให้ มาตรการภาษีของรัฐบาล Trump 2.0 ยังมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ ศาลให้เวลาให้ทั้งฝ่ายโจทก์และรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองภายในวันที่ 5 และ 9 มิถุนายน ส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเป็นแรงผลักให้นักลงทุนหันมาถือครองสกุลเงินปลอดภัยมากขึ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แผ่ว หนุนคาดการณ์ลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ออกมา แย่กว่าคาด ทำให้ตลาดเพิ่มความเชื่อมั่นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ราว 70% ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับลดลงแตะ 4.43% ซึ่งกดดันดอลลาร์ให้ อ่อนค่าลงต่อเนื่อง และทำให้ ดัชนี DXY ลดลงมาอยู่ที่ 99.3 จุด
ทองคำ-เงินเยน แข็งค่ารับความเสี่ยง
ภาพรวมของตลาดสะท้อนความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะ ทองคำ ที่ราคาทยอยปรับขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับ เงินเยนญี่ปุ่น ที่กลับมาแข็งค่าแตะ 144 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ทั่วกระดาน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ–ยุโรปผันผวนตามทิศทางนโยบายการค้า
ดัชนี S&P500 ปิดบวกเพียง 0.40% แม้ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้น Nvidia +3.3% ส่วนฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับลง -0.19% จากแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่ม Healthcare เช่น Novo Nordisk -2.4% ที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้ายา อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นแรงประคองตลาด เช่น ASML ที่ปรับขึ้น +0.7% ตามธีม AI
เงินบาทยังผันผวน-ผู้เล่นรอข้อมูลเงินเฟ้อ PCE และ PMI จีน
นักลงทุนกำลังจับตา ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้นำทิศทางตลาดการเงินต่อไป ขณะที่ค่าเงินบาทในระยะสั้นยังคงมี ความผันผวนสูง ตามความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ ทองคำ และทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย
มุมมองค่าเงินบาท: มีแนวรับที่ 32.35 บาท แนวต้าน 32.75-32.85 บาท
Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า เงินบาทอาจแข็งค่าต่อในระยะสั้น แต่กรอบการแข็งค่ายังคง จำกัด จากแรงซื้อดอลลาร์ของผู้นำเข้าในช่วงปลายเดือน และแรงขายทำกำไรในทองคำ
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าไว้ที่ 32.40–32.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การใช้ Options หรือการพิจารณาใช้ Local Currency อย่าง CNYTHB ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่า USDTHB อย่างมีนัยสำคัญ
ที่มาข้อมูล : Krungthai GLOBAL MARKETS
ที่มารูปภาพ : Getty images