นักวิเคราะห์แนะปรับกลยุทธ์ ชี้หุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุน แนะกระจายการลงทุนไปตลาดต่างประเทศ

ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (9 มิ.ย. 68) คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ จาก บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ชี้แม้จะมีปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้ง Valuation ที่อยู่ในจุดน่าซื้อ ข่าวดีเรื่องการเจรจาการค้า และความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านที่คลี่คลาย แต่ดัชนีกลับไม่ตอบสนองในเชิงบวก สะท้อนถึงสภาวะ "คนหมดใจ" ที่อาจมีสาเหตุจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึก แนะนักลงทุนหันไปโฟกัสโอกาสในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

สรุปข่าว

คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ จากบลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์มองว่าตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญภาวะขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง การลงทุนในประเทศต้องใช้ความระมัดระวังและเลือกเป็นรายตัว การกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน

ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (9 มิ.ย. 68) คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ จาก บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ชี้แม้จะมีปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้ง Valuation ที่อยู่ในจุดน่าซื้อ ข่าวดีเรื่องการเจรจาการค้า และความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านที่คลี่คลาย แต่ดัชนีกลับไม่ตอบสนองในเชิงบวก สะท้อนถึงสภาวะ "คนหมดใจ" ที่อาจมีสาเหตุจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึก แนะนักลงทุนหันไปโฟกัสโอกาสในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

บรรยากาศดี แต่ตลาด “ไม่เอาด้วย”

คุณประกิตได้แสดงความผิดหวังต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย โดยชี้ว่าวันนี้ (9 มิ.ย. 68) ควรจะเป็นวันที่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ดี เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ

  • Valuation น่าซื้อ: ที่ระดับดัชนีบริเวณ 1,120 จุด ภายใต้สมมติฐานดอกเบี้ย 1.75% ถือเป็นโซนราคาที่น่าสนใจลงทุน

  • ข่าวดีรอบด้าน: สหรัฐฯ ตอบรับนัดเจรจาการค้ากับไทย และความขัดแย้งทางการเมืองกับกัมพูชาก็คลี่คลายลง

  • ตลาดหุ้นเอเชียสดใส: ตลาดหุ้นในภูมิภาคโดยรวมเคลื่อนไหวในแดนบวก

"มันเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นได้แล้ว...แต่วันนี้มันเหมือนแบบไม่เอาอ่ะ มันเหมือนให้ไปยังไงเค้าก็ไม่ซื้อกันน่ะ เค้าหมดแล้ว หมดใจ มันเป็นบรรยากาศของคนหมดใจอ่ะครับ" คุณประกิตกล่าว

ภาวะเช่นนี้กำลังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทยที่อาจรุนแรงกว่าที่คิด จนทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น โดยนักลงทุนต่างชาติไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะกลับเข้ามาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนนักลงทุนสถาบันและรายย่อยในประเทศก็มีเม็ดเงินที่ "เบาบางเหลือเกิน"

คาด กนง.-เฟด "คงดอกเบี้ย" ตลาดขาดปัจจัยกระตุ้น

คุณประกิตคาดการณ์ว่า ทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้ตลาดขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาหนุนดัชนี แม้ Valuation ของตลาดจะอยู่ในระดับที่ถูกก็ตาม

กลยุทธ์ลงทุน: หุ้นไทยเลือก (BCP) - โฟกัสหลักที่ต่างประเทศ

ในภาวะที่ตลาดขาดความน่าสนใจเช่นนี้ คุณประกิตแนะกลยุทธ์การลงทุนว่า

  • หุ้นไทย: สามารถลงทุนได้ แต่ต้องเป็นการเลือกรายตัว (Selective Buy) และมองเป็นการประคองพอร์ตมากกว่า โดยหุ้นที่ดูน่าสนใจในช่วงนี้คือ BCP (บางจาก) ซึ่งได้ประโยชน์จากความขัดแย้งชายแดนที่เบาลง ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และค่าการกลั่นที่ดี ส่วน DELTA ยังมองว่าไม่น่าไว้วางใจและควรรอจังหวะที่ราคาปรับฐานลงไปที่ประมาณ 85 บาท

  • การลงทุนต่างประเทศ (คำแนะนำหลัก): "เงินเราเหลือทำยังไง ก็เน้นไปโฟกัสที่ต่างประเทศ" โดยมีตลาดที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น เกาหลีใต้, ฮ่องกง (HANGSENGINDEX), จีน, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

มุมมองครึ่งปีหลัง: ความกลัวที่อาจสร้างโอกาส

คุณประกิตให้มุมมองที่น่าสนใจทิ้งท้ายว่า "ที่มันเงียบแบบเนี้ย เพราะทุกคนกลัวครึ่งปีหลัง" ซึ่งความกลัวที่เกิดขึ้นในตลาดตอนนี้ อาจสร้างโอกาสในทางตรงกันข้ามได้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ตลาดกังวล ก็อาจเห็นภาพตลาดหุ้นที่ดีดตัวกลับขึ้นมาได้