หมดยุค "ทัวร์เกาหลีใต้" คนไทยเน้นเดินทางไปเที่ยวเอง ครึ่งปีแรกตลาดฟื้นแรง โตพุ่ง 40% หลังเจอกระแสแบนปีก่อน

หมดยุค "ทัวร์เกาหลีใต้" ? คนไทยเน้นเดินทางไปเที่ยวเอง ครึ่งปีแรกตลาดฟื้นแรง โตพุ่ง 40%


คนไทยเริ่มกลับไปเที่ยวเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังจากเจอกระแสต้านอย่างหนักเมื่อปีก่อน แต่ทิศทางการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป จาก "กรุ๊ปทัวร์" เป็นการ "เดินทางด้วยตนเอง" เน้นเจาะการท่องเที่ยวเชิงลึกเฉพาะทาง มากกว่ากระแสหลักตามที่เที่ยวแลนด์มาร์กแบบเดิมๆ  


ข้อมูลล่าสุดจาก “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี” (Korea Tourism Organization: KTO)  เปิดเผยว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 40% ไปแตะที่ระดับ 180,000 คน  ซึ่งทาง KTO ได้ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้ได้ถึง 360,000 คนตลอดทั้งปีนี้  โดยในปีที่แล้ว 2567 มียอดนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเดินทางไปเกาหลี 323,000 คน ถือว่ายังไม่ฟื้นกลับมาเท่ากับก่อน COVID-19 ซึ่งอยู่ที่กว่า 570,000 คน


อย่างไรก็ตามตัวเลขที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นหรือนิมิตหมายที่ดี เพราะสะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวเกาหลีใต้ของคนไทยได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว และมาพร้อมกับกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป จากเดิม คือ กรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ มาเป็นกลุ่มก้อน วันนี้เป็นคนไทยที่เดินทางด้วยตนเอง หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ (FIT) ที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบเชิงลึกเฉพาะทาง  เช่น มาชอปปิงสินค้าความงาม มาหาของกิน มาดูคอนเสิร์ท หรือตามรอยซีรีย์ หรือแม้กระทั่งมาเสริมความงามทำศัลยกรรม 


การท่องเที่ยวเกาหลี  พบว่าในบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหมด พบว่า กลุ่มที่เติบโตอย่างโดดเด่น คือ ผู้ที่มองหาประสบการณ์ด้าน Beauty & Wellness ตั้งแต่การเข้าคลินิกเสริมความงามและศัลยกรรมในย่านกังนัมของกรุงโซล ไปจนถึงโปรแกรมดูแลสุขภาพและสปา 


ดังนั้นการเดินทางมาเที่ยวของคนกลุ่มนี้จะวางแผนการเดินทางด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคา และมีการใช้เทคโนโลยีอย่าง eSIM และแอปแปลภาษาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างอิสระและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เป็นเลือกเส้นทางท่องเที่ยวตามความสนใจของตนเอง ไม่ได้เที่ยวแต่ที่เดิมๆยอดฮิตแบบสมัยก่อน ที่มีแค่ดูพระราชวัง ไปเกาะนามิ ใส่ชุดฮันบก ทำกิมจิ หรือดูศูนย์โสม  


ข้อมูลยังพบอีกว่า นักท่องเที่ยวไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปประมาณ 30,000 - 50,000 บาท และมีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยอย่างน้อย 5 วัน ด้านจุดหมายปลายทางยังมีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากกรุงโซลแล้ว เมืองอย่างปูซานและเกาะเชจูก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น


ขณะที่ข้อมูลจาก KTC ที่เปิดเผยอีกว่า ยอดใช้จ่ายอันดับที่ 1 ของคนไทยที่เดินทางเที่ยวเกาหลีใต้ คือ หมวด K-Beauty และอาหาร ส่วนเมืองยอดนิยมกรุงโซล (Seoul) ยังคงเป็นอันดับ1 ที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุด ตามด้วยเกาะเชจู (Jeju Island) โดยสาเหตุที่คนไทยนิยมไปมากอาจจะเพราะว่ามีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ


แต่ในขณะเดียวกันวันนี้เมืองที่กำลังมาแรง และได้รับโปรโมทมากขึ้น ก็คือ ปูซาน (Busan) เพราะหลายคนเที่ยวกรุงโซลจนทะลุปรุโปร่งเริ่มเบื่อบรรยากาศแบบเดิม จึงหันมาสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆบ้าง ซึ่งสอดรับกับความต้องการของการท่องเที่ยวเกาหลี ที่ต้องการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองท้องถิ่น (Local cities) หรือเมืองรองให้มากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มาสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวเกาหลี และลดความแออัดในโซล-ปูซาน 

สรุปข่าว

คนไทยเริ่มกลับไปเที่ยวเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังจากเจอกระแสต้านอย่างหนักเมื่อปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามทิศทางของการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป จากกรุ๊ปทัวร์ เป็นการเดินทางด้วยตนเอง ที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงลึกเฉพาะทางมากขึ้น และในขณะเดียวกันองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีก็มีการทุ่มงบถึง 70 ล้านบาท ในการทำการตลาด เพื่อดึงคนไทยกลับไปเที่ยวเกาหลีให้มากขึ้น ตั้งเป้า 3 ปี นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนคน

หมดยุค "ทัวร์เกาหลีใต้" ? คนไทยเน้นเดินทางไปเที่ยวเอง ครึ่งปีแรกตลาดฟื้นแรง โตพุ่ง 40%


คนไทยเริ่มกลับไปเที่ยวเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังจากเจอกระแสต้านอย่างหนักเมื่อปีก่อน แต่ทิศทางการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป จาก "กรุ๊ปทัวร์" เป็นการ "เดินทางด้วยตนเอง" เน้นเจาะการท่องเที่ยวเชิงลึกเฉพาะทาง มากกว่ากระแสหลักตามที่เที่ยวแลนด์มาร์กแบบเดิมๆ  


ข้อมูลล่าสุดจาก “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี” (Korea Tourism Organization: KTO)  เปิดเผยว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 40% ไปแตะที่ระดับ 180,000 คน  ซึ่งทาง KTO ได้ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้ได้ถึง 360,000 คนตลอดทั้งปีนี้  โดยในปีที่แล้ว 2567 มียอดนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเดินทางไปเกาหลี 323,000 คน ถือว่ายังไม่ฟื้นกลับมาเท่ากับก่อน COVID-19 ซึ่งอยู่ที่กว่า 570,000 คน


อย่างไรก็ตามตัวเลขที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นหรือนิมิตหมายที่ดี เพราะสะท้อนให้เห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวเกาหลีใต้ของคนไทยได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว และมาพร้อมกับกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป จากเดิม คือ กรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ มาเป็นกลุ่มก้อน วันนี้เป็นคนไทยที่เดินทางด้วยตนเอง หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ (FIT) ที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบเชิงลึกเฉพาะทาง  เช่น มาชอปปิงสินค้าความงาม มาหาของกิน มาดูคอนเสิร์ท หรือตามรอยซีรีย์ หรือแม้กระทั่งมาเสริมความงามทำศัลยกรรม 


การท่องเที่ยวเกาหลี  พบว่าในบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหมด พบว่า กลุ่มที่เติบโตอย่างโดดเด่น คือ ผู้ที่มองหาประสบการณ์ด้าน Beauty & Wellness ตั้งแต่การเข้าคลินิกเสริมความงามและศัลยกรรมในย่านกังนัมของกรุงโซล ไปจนถึงโปรแกรมดูแลสุขภาพและสปา 


ดังนั้นการเดินทางมาเที่ยวของคนกลุ่มนี้จะวางแผนการเดินทางด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคา และมีการใช้เทคโนโลยีอย่าง eSIM และแอปแปลภาษาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างอิสระและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เป็นเลือกเส้นทางท่องเที่ยวตามความสนใจของตนเอง ไม่ได้เที่ยวแต่ที่เดิมๆยอดฮิตแบบสมัยก่อน ที่มีแค่ดูพระราชวัง ไปเกาะนามิ ใส่ชุดฮันบก ทำกิมจิ หรือดูศูนย์โสม  


ข้อมูลยังพบอีกว่า นักท่องเที่ยวไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปประมาณ 30,000 - 50,000 บาท และมีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยอย่างน้อย 5 วัน ด้านจุดหมายปลายทางยังมีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากกรุงโซลแล้ว เมืองอย่างปูซานและเกาะเชจูก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น


ขณะที่ข้อมูลจาก KTC ที่เปิดเผยอีกว่า ยอดใช้จ่ายอันดับที่ 1 ของคนไทยที่เดินทางเที่ยวเกาหลีใต้ คือ หมวด K-Beauty และอาหาร ส่วนเมืองยอดนิยมกรุงโซล (Seoul) ยังคงเป็นอันดับ1 ที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุด ตามด้วยเกาะเชจู (Jeju Island) โดยสาเหตุที่คนไทยนิยมไปมากอาจจะเพราะว่ามีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ


แต่ในขณะเดียวกันวันนี้เมืองที่กำลังมาแรง และได้รับโปรโมทมากขึ้น ก็คือ ปูซาน (Busan) เพราะหลายคนเที่ยวกรุงโซลจนทะลุปรุโปร่งเริ่มเบื่อบรรยากาศแบบเดิม จึงหันมาสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆบ้าง ซึ่งสอดรับกับความต้องการของการท่องเที่ยวเกาหลี ที่ต้องการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองท้องถิ่น (Local cities) หรือเมืองรองให้มากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มาสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวเกาหลี และลดความแออัดในโซล-ปูซาน 

 “การท่องเที่ยวเกาหลี” อัดงบ 70 ล้านบาท ดึง “คนไทย” กลับไปเที่ยว! ตั้งเป้า 5 แสนคนใน 3 ปี 


“เกาหลีใต้” เคยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดอิตของคนไทย โดยเฉพาะแบบกรุ๊ปทัวร์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมในกระแส K-Culture เนื่องจากคนไทยเป็นแฟนของ  K-Pop, K-Series, K-Beauty, K-Food  หลายคนตั้งใจไปเที่ยวเพราะอยากไปตามรอย อยากสัมผัสประสบการณ์ แต่ต้องยอมรับว่าปีที่แล้ว เกิดกระแสดราม่าอย่างหนัก กับ แฮชแทก แบนเกาหลี บนโลกโซเชียล มีการแชร์ประสบการณ์คนไทยติด ตม.เกาหลี ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ จนกลายเป็นไวรัล แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากปัญหาของผีน้อย ที่หมายถึงคนไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย จนมีผลให้ตรวจคนเข้าเมืองมีความเข้มงวดกับคนไทยเป็นพิเศษ  


กระแส #แบนเกาหลี มีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของไทย เพราะท่ามกลางกระแสต่อต้าน หลายประเทศก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดฟรีวีซ่ามากขึ้น และเชิญชวนคนไทยไปเที่ยวด้วยเช่นกัน เช่น ประเทศจีน ที่มีข้อมูลยืนยันว่าคนไทยแห่ไปเที่ยวมากขึ้นอย่างชัดเจน  


อย่างไรก็ตาม “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี” (Korea Tourism Organization: KTO) ยังไม่ทิ้งตลาดไทย เพราะเล็งเห็นแล้วว่าตลาดนักท่องเที่ยวไทยนั้นยังมีศักยภาพ และต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลีมากขึ้น ดังนั้น เพื่อดึงคนไทยไปเกาหลี ”KTO” จึงทุ่มงบประมาณ 70 ล้านบาท ในการทำการตลาด การสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ผ่าน Social Media และการใช้ Influencer สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับการท่องเที่ยวเกาหลี และดึงคนไทยไปเกาหลีมากขึ้น ในปีนี้


คุณคิม เซฮี รองผู้อำนวยการ KTO เปิดเผยว่า นโยบายของการท่องเที่ยวเกาหลีที่กำลังทำในปีนี้ มีการใช้ Social Media ในการสื่อสารให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นตัวช่วยในการดึงคนไทยกลับไปเที่ยว รวมทั้งจับมือกับพาร์ทเนอร์ทำแคมเปญ และมอบส่วนลด เพื่อสร้างแรงจูงใจนักท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้เรายังใช้ Influencer ช่วยในการโปรโมท พร้อมคาดหวังว่านักท่องเที่ยวไทยจะกลับมาอยู่ที่ประมาณกว่า 500,000 คน ภายใน 2 – 3 ปีนี้   



โดยการท่องเที่ยวเกาหลีได้ชูเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว คือ การสัมผัสประสบการณ์จริงในทุกที่ เช่น

K-pop          : การเข้าชมคอนเสิร์ต เยี่ยมชมบ้านเกิดของไอดอล

K-drama      : การเยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำละครที่โด่งดัง

K-beauty     : โปรแกรมการแต่งหน้า และจัดแต่งทรงผมอย่างมืออาชีพ 

รวมถึงประสบการณ์สุขภาพแบบดั้งเดิม เช่น ซาวน่า สปาสมุนไพร และบริการการท่องเที่ยวทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง

K-food        : ทัวร์อาหารที่เน้นรสชาติของแต่ละภูมิภาค


ทั้งหมดนี้เป็นการตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ที่เดินทางด้วยตัวเอง ไปตามสิ่งที่ตัวเองสนใจ และไม่ใช่แค่เที่ยวในโซล แต่เมืองต่างๆ ของเกาหลีก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ปูซาน เมืองริมทะเลที่มีทั้งความงามทางธรรมชาติ และวัฒนธรรม, เมืองจองจู มีชื่อเสียงในเรื่องหมู่บ้านฮาโนก และอาหารเกาหลีรสชาติดั้งเดิม ทำให้เกาหลีเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีไลฟ์สไตล์ความชอบที่แตกต่างกัน


คุณอริญชยา เลิศวัฒนชัย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด KTO ระบุว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเกาหลีมากที่สุด  Top 5 คือ จีน สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ ส่วนไทยเคยอยู่อันดับ 6 และไทยเคยขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ตอนนี้ตกไปอยู่อันดับ 10 เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามทาง KTO พยายามทำให้นักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็นหลัก 500,000 คนให้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือการจับมือกับพันธมิตร เช่น บัตรเครดิต ด้วยการออกโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน และการชอปปิงต่างๆ 


ตัวเลขฟื้น เป็นสิ่งที่ดี แต่หลังจากนี้คนไทยจะกลับไปเที่ยวเกาหลีใต้ได้มากน้อยแค่ไหน และจะฟื้นไปถึงยุคก่อนโควิดได้หรือไม่ ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ เป็นความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะวันนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายคนกำลังรัดเข็มขัดประหยัดกันมากขึ้นจากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเองด้วย

ที่มาข้อมูล : Korea Tourism Organization: KTO

ที่มารูปภาพ : TNN Freepik