”คลัง“ปลุกท่องเที่ยวไทย ดันแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้า ครม. ด่วน!

”คลัง“ปลุกท่องเที่ยวไทย  ดันแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้า ครม. ด่วน!

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ต.ค. 68) กระทรวงการคลังได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2568 

"ล่าสุดได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ" ในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการทางภาษี ด้วยการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวไปหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกินคนละ 20,000 บาท

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองหลัก จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 เท่า ขณะที่เมืองรอง จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1.5 เท่า ซึ่งจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.นี้

พร้อมกันนี้ จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในส่วนของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งตามปกติจะมีงบสำหรับใช้จ่ายในการอบรม-สัมมนาประจำปีอยู่แล้ว แต่มักจะเป็นการใช้จ่ายในช่วงปลายปีงบประมาณ หรือในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีงบประมาณ ดังนั้น เพื่อให้เป็นการช่วยเร่งฟื้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ จึงมีนโยบายให้เบิกจ่ายงบเพื่อการดังกล่าวภายในเดือนม.ค.69 อย่างน้อย 60% เพื่อช่วงกระตุ้นดีมานด์ระยะสั้นในช่วงนี้

ส่วนการกระตุ้นระยะยาวนั้น จะมีมาตรการให้ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พัก สามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพัฒนาโรงแรม-ที่พัก มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า โดยระยะเวลาโครงการจะยาวไปจนถึงสิ้นมี.ค.69 ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิต จะปรับลดอัตราภาษีสถานบริการลงจาก 10% ให้เหลือ 5% และประสานงานกับกรมการปกครอง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันพิจารณาให้สถานบริการเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่น ๆ จากโครงการของรัฐบาลในระยะถัดไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังเห็นชอบแนวทางเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ โดยในปีงบประมาณ 2569 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณโดยจะกำหนด KPI แก่หัวหน้าส่วนราชการ ว่าต้องเบิกจ่ายงบประมาณไม่ต่ำกว่า 93% และงบลงทุน ต้องเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 75%

สรุปข่าว

คลัง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2568 หนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สายการบิน สนามบิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ต.ค. 68) กระทรวงการคลังได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2568 

"ล่าสุดได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ" ในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการทางภาษี ด้วยการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวไปหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกินคนละ 20,000 บาท

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองหลัก จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 เท่า ขณะที่เมืองรอง จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1.5 เท่า ซึ่งจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.นี้

พร้อมกันนี้ จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในส่วนของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งตามปกติจะมีงบสำหรับใช้จ่ายในการอบรม-สัมมนาประจำปีอยู่แล้ว แต่มักจะเป็นการใช้จ่ายในช่วงปลายปีงบประมาณ หรือในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีงบประมาณ ดังนั้น เพื่อให้เป็นการช่วยเร่งฟื้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ จึงมีนโยบายให้เบิกจ่ายงบเพื่อการดังกล่าวภายในเดือนม.ค.69 อย่างน้อย 60% เพื่อช่วงกระตุ้นดีมานด์ระยะสั้นในช่วงนี้

ส่วนการกระตุ้นระยะยาวนั้น จะมีมาตรการให้ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พัก สามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพัฒนาโรงแรม-ที่พัก มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า โดยระยะเวลาโครงการจะยาวไปจนถึงสิ้นมี.ค.69 ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิต จะปรับลดอัตราภาษีสถานบริการลงจาก 10% ให้เหลือ 5% และประสานงานกับกรมการปกครอง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันพิจารณาให้สถานบริการเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่น ๆ จากโครงการของรัฐบาลในระยะถัดไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังเห็นชอบแนวทางเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ โดยในปีงบประมาณ 2569 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณโดยจะกำหนด KPI แก่หัวหน้าส่วนราชการ ว่าต้องเบิกจ่ายงบประมาณไม่ต่ำกว่า 93% และงบลงทุน ต้องเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 75%

ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สายการบิน สนามบิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เมื่อเวลา 10.10 น.วันนี้ (15 ต.ค. 68) 

CENTEL ปรับขึ้น 2.56% มาที่ 30.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6.77 ล้านบาท

DUSIT ปรับขึ้น 1.72% มาที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.78 ล้านบาท

MINT ปรับขึ้น 1.35% มาที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.01 ล้านบาท

AOT ปรับขึ้น 1.89% มาที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 106.34 ล้านบาท

AAV ปรับขึ้น 2.54% มาที่ 1.21 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.36 ล้านบาท

BA ปรับขึ้น 1.52% มาที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 8.97 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณามาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นข่าวบวกกับธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น โรงแรม, ค้าปลีกอุปโภคบริโภค, สถานีบริการน้ำมัน, สนามบิน, สายการบิน เป็นต้น หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็น ERW, CENTEL, CPALL, PTG, AAV, BA

ด้านบล.กสิกรไทย ระบุว่า จากกระทรวงการคลังเสนอแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในการประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรก มีมุมมองเชิงบวกต่อ CENTEL จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งผู้ว่าการ ททท. ได้เสนอไอเดียผ่าน social media ให้มีโครงการ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง เพื่อดึงดูดคนไทยออกมาเที่ยวภายในประเทศ 

ประกอบกับเราคาดหวังการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ที่เป็น high season เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยังสามารถเติบโตได้จากการขยายสาขาใหม่โดยเฉพาะธุรกิจอาหารที่ร่วมลงทุนเป็น JV 

อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลกระทบจากการเปิดโรงแรมใหม่สองแห่งที่ Maldives แต่เรามองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการสะสมหุ้น เพื่อรอโรงแรมใหม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต ให้ราคาพื้นฐาน 42.09 บาท