"สุกี้ตี๋น้อย" ไม่หวั่นสงครามบุฟเฟ่ต์ มั่นใจ ปีหน้ารายได้ทะยานสู่หมื่นล้าน

"สุกี้ตี๋น้อย" ไม่หวั่นสงครามบุฟเฟ่ต์ มั่นใจ ปีหน้ารายได้ทะยานสู่หมื่นล้าน

"สุกี้ตี๋น้อย" ไม่หวั่นสงครามบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด มั่นใจ ปีหน้ารายได้ทะยานสู่หมื่นล้าน


คุณเฟิร์น นัทธมน พิศาลกิจวนิช เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย เปิดเผยภายในเวทีเสวนาเรื่อง ทางรอด SMEs ไทย ในงาน BITKUB SUMMIT 2025 ระบุว่าเป้าหมายของปีนี้คือจะกวาดรายได้ไปให้ถึง 9,000 ล้าน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 7,000 กว่าล้านบาท เป็นผลตอบรับที่มากกว่าความพอใจ จากการเริ่มต้นเปิดบริษัทผ่านมาเพียงแค่ 8 ปี และปีหน้าจะต้องพุ่งไปถึงหมื่นล้านบาทให้ได้ และคาดหวังจะเปิดสาขาได้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น ปีหน้าจะเริ่มต้นบุกไปเปิดยังภาคใต้แล้วเช่นกัน โดยมั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่การขายอาหารให้ราคาประหยัดจะตอบโจทย์คนได้ทุกกลุ่มและกว้างมากขึ้น 


ขณะที่การแข่งขันในตลาดแม้จะผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามาแข่งในตลาดมากขึ้น ก็เชื่อว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะสุกี้ตี๋น้อยเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน กับการขายบุฟเฟ่ต์ในราคาหลักร้อย แต่มีคุณภาพ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจมาจากความตั้งใจของตนเอง ที่มองว่าในอดีตตลาดยังขาดสินค้าคุณภาพหลากหลายในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย  จนสามารถครองใจผู้บริโภค ได้รับการตอบรับที่ดี จนมาถึงปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 90 สาขา และยอมรับว่าไม่ได้คาดหวังเหมือนกันว่าธุรกิจจะมาไกลถึงขนาดนี้  แต่ในขณะเดียวกันเมื่อธุรกิจโตแล้วก็ไม่มีหยุดยั้ง ยังคงตั้งเป้าให้ไปได้ไกลมากกว่านี้ และโตให้ได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อดูแลพนักงานและคนในองค์กร ที่มีอยู่มากกว่า 9,000 คน  



สรุปข่าว

"สุกี้ตี๋น้อย" ไม่หวั่นสงครามบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด มั่นใจ ปีหน้ารายได้ทะยานสู่หมื่นล้าน

"สุกี้ตี๋น้อย" ไม่หวั่นสงครามบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด มั่นใจ ปีหน้ารายได้ทะยานสู่หมื่นล้าน


คุณเฟิร์น นัทธมน พิศาลกิจวนิช เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย เปิดเผยภายในเวทีเสวนาเรื่อง ทางรอด SMEs ไทย ในงาน BITKUB SUMMIT 2025 ระบุว่าเป้าหมายของปีนี้คือจะกวาดรายได้ไปให้ถึง 9,000 ล้าน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 7,000 กว่าล้านบาท เป็นผลตอบรับที่มากกว่าความพอใจ จากการเริ่มต้นเปิดบริษัทผ่านมาเพียงแค่ 8 ปี และปีหน้าจะต้องพุ่งไปถึงหมื่นล้านบาทให้ได้ และคาดหวังจะเปิดสาขาได้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น ปีหน้าจะเริ่มต้นบุกไปเปิดยังภาคใต้แล้วเช่นกัน โดยมั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่การขายอาหารให้ราคาประหยัดจะตอบโจทย์คนได้ทุกกลุ่มและกว้างมากขึ้น 


ขณะที่การแข่งขันในตลาดแม้จะผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามาแข่งในตลาดมากขึ้น ก็เชื่อว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะสุกี้ตี๋น้อยเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน กับการขายบุฟเฟ่ต์ในราคาหลักร้อย แต่มีคุณภาพ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจมาจากความตั้งใจของตนเอง ที่มองว่าในอดีตตลาดยังขาดสินค้าคุณภาพหลากหลายในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย  จนสามารถครองใจผู้บริโภค ได้รับการตอบรับที่ดี จนมาถึงปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 90 สาขา และยอมรับว่าไม่ได้คาดหวังเหมือนกันว่าธุรกิจจะมาไกลถึงขนาดนี้  แต่ในขณะเดียวกันเมื่อธุรกิจโตแล้วก็ไม่มีหยุดยั้ง ยังคงตั้งเป้าให้ไปได้ไกลมากกว่านี้ และโตให้ได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อดูแลพนักงานและคนในองค์กร ที่มีอยู่มากกว่า 9,000 คน  



สำหรับความท้าทายในอนาคต หวังพัฒนาให้ธุรกิจมีความยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะบริษัทโตขึ้นเรื่อยๆ จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่อยากทำธุรกิจ อยากได้เงิน แต่วันนี้คือการทำแบรนด์ให้มากกว่าคำนิยามว่ากระแส แต่ไปสู่มาตรฐาน และการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น  โดยเฉพาะการใช้เอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ต้องปรับให้เหมาะสม ในการใช้สนับสนุนป้องกันการโกง เช่น การใช้เอไอนับหัวลูกค้า การทำงานเบื้องหลังเช่น การขยายสาขาโดยใช้คนน้อยลงหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมไปถึงการใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟควบคู่กับการใช้มนุษย์บริการในร้าน แต่ก็ยอมรับว่าราคาเอไอหรือเทคโนโลยียังมีราคาสูงแต่เป็นสิ่งที่ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุน ส่วนประเด็นเรื่องโซเชียลมีเดีย ย้ำว่าการสื่อสารกับลูกค้ายังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่ม Mass ที่เน้นการสื่อสารที่ง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน 


โดยคุณเฟิร์น มองว่าการทำธุรกิจในยุคนี้แม้จะมีความท้าทายรอบด้าน แต่สำหรับทางรอดของ SMEs ที่สำคัญ คือ คนทำธุรกิจต้องหาเป้าหมายในการทำ ก็จะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง และอยากให้มองว่าความสำเร็จของแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน อย่านำตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น มองแค่ความพึ่งพอใจของตัวเองเป็นหลัก เพื่อจะได้มีกำลังใจทำต่อไปในอนาคต