AURA รายได้ Q3/68 เเตะ 10,302.6 ลบ. ธุรกิจขายฝาก “ทองมาเงินไป” โตเด่น สิ้นปีคาดพอร์ตทะลุ 8 พันล.

Share on Line Share on Facebook Share on X
AURA รายได้ Q3/68 เเตะ 10,302.6 ลบ.  ธุรกิจขายฝาก “ทองมาเงินไป” โตเด่น สิ้นปีคาดพอร์ตทะลุ 8 พันล.

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับอัญมณี และธุรกิจขายฝากทองมาเงินไป ด้วยการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 10,302.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% ขณะที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 261.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.6 ล้านบาท หรือ 27.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ แม้อยู่ในช่วงไตรมาสโลว์ซีซั่นของธุรกิจ

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 มีรายได้รวม 27,993.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8 % ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3,270.2  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,022.4  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ภาพรวมไตรมาส 3/2568 แรงหนุนสำคัญมาจากทั้งธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ (Modern Gold) และ ธุรกิจขายฝากทองคำภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” (Gold Financing Business) 

ด้านธุรกิจค้าปลีก รายได้ยังคงเติบโตโดดเด่น ด้วยรายได้จากการขายสินค้ารวม 10,039.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% YoY ด้านธุรกิจขายฝากทองคำ ก็ยังคงเติบโตโดดเด่น โดยมีพอร์ตบัญชีลูกหนี้ขายฝาก (AR Balance) ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่  6,996.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.1% YoY สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การขยายบริการให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง ทั้งในรูปแบบ Stand Alone และ Shop-in-Shop โดยเฉพาะในหัวเมืองรองที่มีความต้องการใช้บริการขายฝากในระบบที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

สรุปข่าว

AURA ผลงาน Q3/68 แข็งแกร่ง กวาดรายได้ 10,302.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 261.5 ล้านบาท รับแรงหนุนจากธุรกิจขายฝาก “ทองมาเงินไป” ที่พอร์ตบัญชีลูกหนี้ (AR Balance) พุ่งแตะ 6,996.3 ล้านบาท ใกล้เป้าหมายสิ้นปีที่วางไว้ 7,500–8,000 ล้านบาท มองแนวโน้ม Q4 เข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ รวมถึงเป็นช่วง Festive คาดแรงหนุนจากดีมานด์ปลายปีและการขยายสาขาทั่วประเทศ จะช่วยผลักดันผลงานทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับอัญมณี และธุรกิจขายฝากทองมาเงินไป ด้วยการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 10,302.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% ขณะที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 261.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.6 ล้านบาท หรือ 27.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ แม้อยู่ในช่วงไตรมาสโลว์ซีซั่นของธุรกิจ

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 มีรายได้รวม 27,993.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8 % ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3,270.2  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,022.4  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ภาพรวมไตรมาส 3/2568 แรงหนุนสำคัญมาจากทั้งธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ (Modern Gold) และ ธุรกิจขายฝากทองคำภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” (Gold Financing Business) 

ด้านธุรกิจค้าปลีก รายได้ยังคงเติบโตโดดเด่น ด้วยรายได้จากการขายสินค้ารวม 10,039.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% YoY ด้านธุรกิจขายฝากทองคำ ก็ยังคงเติบโตโดดเด่น โดยมีพอร์ตบัญชีลูกหนี้ขายฝาก (AR Balance) ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่  6,996.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.1% YoY สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การขยายบริการให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง ทั้งในรูปแบบ Stand Alone และ Shop-in-Shop โดยเฉพาะในหัวเมืองรองที่มีความต้องการใช้บริการขายฝากในระบบที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

AURA มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2568 พอร์ตทองมาเงินไปจะมีลูกหนี้ขายฝาก (AR Balance) แตะระดับ 7,500–8,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้เมื่อต้นปี และตอกย้ำศักยภาพของธุรกิจ Gold Financing ในการเป็นหนึ่งในกลไกหลักขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ในด้านช่องทางการจำหน่าย ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 AURA มีจำนวนสาขาภายใต้แบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง, AURORA Diamond, ของขวัญ by AURORA และทองมาเงินไป รวม 592 สาขา เพิ่มขึ้นกว่า 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นการขยายสาขาทองมาเงินไป รองรับธุรกิจขายฝากซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 

แม้ราคาทองคำในไตรมาส 3 จะผันผวนจากปัจจัยภายนอก ทั้งทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ แต่ AURA ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้มั่นคง ด้วยระบบ Natural Hedge ที่ช่วยบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ร่วมกับประสบการณ์กว่า 50 ปีในธุรกิจทองคำ ทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น 

“ด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง AURA สามารถสร้างรายได้และกำไรอย่างสม่ำเสมอในทุกภาวะตลาด เมื่อราคาทองปรับขึ้น เราได้ประโยชน์จากฝั่งรับซื้อคืนหรือธุรกิจขายฝาก ส่วนเมื่อราคาทองปรับลดลง ก็เป็นจังหวะที่ลูกค้าหันมาซื้อทองเพิ่มขึ้น ทำให้รอบหมุนสินค้าสูงขึ้น และสร้างกำไรได้ทั้งจากส่วนต่างราคาและค่ากำเหน็จ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองทำสถิติสูงสุดใหม่ แม้มีลูกค้าบางส่วนขายทองออก แต่กระแสการเก็งกำไรและการสะสมทองของลูกค้าอีกกลุ่มกลับเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อปริมาณธุรกรรม (Volume) ของบริษัท” นายอนิพัทย์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ บริษัทเตรียมเดินหน้ากิจกรรมการตลาด คาดว่าจะช่วยหนุนปริมาณธุรกรรมและรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง  โดยคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตไม่แพ้เดิมจากปีก่อนหน้า ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากทั้งธุรกิจค้าปลีกทองคำที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง และธุรกิจทองมาเงินไป ที่กลายเป็นฐานกำไรใหม่ของกลุ่ม ส่งผลให้ AURA สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว 

ในขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีเสน่ห์และเป็นที่ต้องการในทุกยุค ทั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือออมมูลค่า เมื่อผสานเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส จึงเป็นโอกาสของ AURA ในการยกระดับธุรกิจทองคำให้ทันสมัยขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและบริการครบวงจร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และต่อยอดศักยภาพของตลาดทองคำไทยในระยะยาว