หุ้นไทยโค้งสุดท้าย มีลุ้น แนะ 3 ธีมเด่น “ค้าปลีก-โรงไฟฟ้า-สื่อสาร”

Share on Line Share on Facebook Share on X

คุณกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้อยู่ในภาวะ "ผันผวน" (Volatility) ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ที่กดดันกระแสเงินทุน (Fund Flow) ในตลาดเกิดใหม่

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณบวกที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่สภาพัฒน์ ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2568 เติบโตดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (ประมาณ 3%) ซึ่งถือเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) และช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (Downside) ของดัชนีหุ้นไทย

สรุปข่าว

“กรภัทร วรเชษฐ์” ประเมินตลาดหุ้นไทย (SET Index) ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ยังเผชิญความผันผวนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เชื่อพื้นฐานในประเทศเริ่มฟื้นตัวหลัง GDP ไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด แนะนักลงทุนอาศัยจังหวะย่อตัวสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่ง ในธีม Domestic Play และ Data Center ชูหุ้นเด่น GULF, ADVANC, CPAXT และ CPALL

คุณกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้อยู่ในภาวะ "ผันผวน" (Volatility) ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ที่กดดันกระแสเงินทุน (Fund Flow) ในตลาดเกิดใหม่

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณบวกที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่สภาพัฒน์ ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2568 เติบโตดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (ประมาณ 3%) ซึ่งถือเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) และช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (Downside) ของดัชนีหุ้นไทย

คุณกรภัทร แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ว่า ให้เน้น "ตั้งรับ" หรือ "ย่อซื้อ" (Buy on Dip) ในช่วงที่ตลาดปรับฐาน โดยมองว่าดัชนียังมีโอกาสแกว่งตัวขึ้น (Sideways Up) ในระยะกลาง โดยมีแรงหนุนจาก

  1. เม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษี (Thai ESG/RMF) ที่มักจะไหลเข้ามาในช่วงปลายปี
  2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่คาดว่ารัฐบาลจะทยอยออกมาเพิ่มเติมในช่วงสิ้นปีและต้นปีหน้า
  3. High Season ของการท่องเที่ยวและการจับจ่าย หนุนหุ้นกลุ่มบริการและค้าปลีก

เจาะ 3 ธีมการลงทุน & หุ้นเด่น

บล.กรุงศรี คัดสรรหุ้นเด่นที่น่าสะสม โดยเน้นบริษัทที่มีกำไรเติบโตแข็งแกร่งและเกาะกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนี้

1. ธีม Data Center & Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี)

กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนขนาดใหญ่ของต่างชาติและการเติบโตของ AI

  • GULF (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี) เป็นผู้นำในกลุ่มโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ผลประกอบการยังเติบโตได้ดีและมีความมั่นคงสูง
  • ADVANC (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) หุ้น Defensive ที่เติบโตตามกระแส Data Consumption และปันผลสม่ำเสมอ

2. ธีม Domestic Consumption (การบริโภคในประเทศ)

กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อและมาตรการรัฐ

  • CPAXT (ซีพี แอ็กซ์ตร้า) ได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี และการปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจหลังควบรวม
  • CPALL (ซีพี ออลล์) ยอดขายสาขาเดิม ยังเติบโต และเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยว

3. ธีม Global & Energy (พลังงานและปิโตรเคมี)

  • IVL (อินโดรามา เวนเจอร์ส) แนะนำสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ มองว่าราคาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

คุณกรภัทร ทิ้งท้ายว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะดูอึดอัดในช่วงสั้น ๆ จากแรงกดดันต่างประเทศ แต่ด้วยมูลค่า (Valuation) ที่ไม่แพง และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว ทำให้จังหวะที่ตลาดปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ เป็นโอกาสที่ดีในการ "สะสมหุ้น" เพื่อถือลงทุนข้ามไปปีหน้า (2569) โดยเชื่อว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่าสำหรับนักลงทุนที่ถือครองได้ในระยะกลาง-ยาว