"กัมพูชา" ไม่ง้อ "สินค้าไทย" หันพึ่ง "เวียดนาม" จับมือการค้า-เปิดด่านชายแดน "ฮุนเซน" ฝันเศรษฐกิจโต 2 หมื่นล้าน

Share on Line Share on Facebook Share on X

ไม่ง้อประเทศไทย? "กัมพูชา" จับมือ "เวียดนาม" เปิดด่านชายแดนอย่างเป็นทางการ "ฮุนเซน" ตั้งเป้าดันเศรษฐกิจโตกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 


ประเทศกัมพูชาและเวียดนามทำพิธีเปิดใช้งาน ด่านพรมแดน  "ตันนาม-เมือนเจย"  อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยด่านดังกล่าวนี้ เป็นด่านเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเตยนิญห์ของเวียดนามและจังหวัดไพรแวงของกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นกระชับสัมพันธ์และเชื่อมโยงการค้าครั้งใหม่ของกัมพูชา ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างหนักระหว่างชายแดนไทยและกัมพูชา และได้กลับมามีการปะทะกันอย่างร้อนแรงอีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา


ผู้นำของสองชาติ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้มาร่วมกันทำพิธีเปิดด้วยตนเอง พร้อมกล่าวเน้นย้ำว่า การเปิดด่านชายแดนแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เส้นแบ่งเขตแดน แต่นี่คือสะพานแห่งมิตรภาพที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศในการแสวงหาสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญร่วมกัน


ด่านพรมแดน  "ตันนาม-เมือนเจย"  ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจทางตอนใต้ของเวียดนาม ขณะที่จังหวัดเตยนิญห์ถือเป็นประตูเชื่อมภาคเศรษฐกิจตอนใต้ของเวียดนามกับกัมพูชา โดยโครงการชายแดนของสองชาติครั้งนี้ได้เริ่มต้นการพัฒนามาตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว (2567) 


การเปิดด่านในเส้นทางนี้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งสองชาติ เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การส่งออก/นำเข้า การขนส่ง และการเดินทางระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้พรมแดนดังกล่าวกลายเป็นเขตเศรษฐกิจและการค้าที่มีศักยภาพสูง


สองชาติเพื่อนบ้านกัมพูชาและเวียดนามได้ตั้งเป้าการค้าทวิภาคีไวที่ระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในระยะยาว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด่าน "ตันนาม-เมือนเจย" ที่เปิดใหม่ในครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในแรงกำลังสำคัญไปสู่เป้าหมายได้ โดยด่านนี้จะรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบศุลกากร ถนนเชื่อมโยง สะพานมิตรภาพ การอำนวยความสะดวกสำหรับรถบรรทุกและผู้โดยสาร ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศมีความคล่องตัวและทันสมัยยิ่งขึ้น


ขณะที่ข้อมูลการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่ประมาณ 1หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2568 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2567) และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ (2568) จะพุ่งแตะระดับ 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์ได้อย่างแน่นอน 





สรุปข่าว

กัมพูชา จับมือ เวียดนาม เปิดด่านชายแดน "ตันนาม-เมือนเจย" อย่างเป็นทางการ หวังเป็นสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า และมิตรภาพ โดยฮุนเซนหวังเป้าใหญ่ อยากดันเศรษฐกิจสองชาติให้โตกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างหนักระหว่างชายแดนไทยและกัมพูชา

ไม่ง้อประเทศไทย? "กัมพูชา" จับมือ "เวียดนาม" เปิดด่านชายแดนอย่างเป็นทางการ "ฮุนเซน" ตั้งเป้าดันเศรษฐกิจโตกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 


ประเทศกัมพูชาและเวียดนามทำพิธีเปิดใช้งาน ด่านพรมแดน  "ตันนาม-เมือนเจย"  อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยด่านดังกล่าวนี้ เป็นด่านเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเตยนิญห์ของเวียดนามและจังหวัดไพรแวงของกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นกระชับสัมพันธ์และเชื่อมโยงการค้าครั้งใหม่ของกัมพูชา ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างหนักระหว่างชายแดนไทยและกัมพูชา และได้กลับมามีการปะทะกันอย่างร้อนแรงอีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา


ผู้นำของสองชาติ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้มาร่วมกันทำพิธีเปิดด้วยตนเอง พร้อมกล่าวเน้นย้ำว่า การเปิดด่านชายแดนแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เส้นแบ่งเขตแดน แต่นี่คือสะพานแห่งมิตรภาพที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศในการแสวงหาสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญร่วมกัน


ด่านพรมแดน  "ตันนาม-เมือนเจย"  ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจทางตอนใต้ของเวียดนาม ขณะที่จังหวัดเตยนิญห์ถือเป็นประตูเชื่อมภาคเศรษฐกิจตอนใต้ของเวียดนามกับกัมพูชา โดยโครงการชายแดนของสองชาติครั้งนี้ได้เริ่มต้นการพัฒนามาตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว (2567) 


การเปิดด่านในเส้นทางนี้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งสองชาติ เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การส่งออก/นำเข้า การขนส่ง และการเดินทางระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้พรมแดนดังกล่าวกลายเป็นเขตเศรษฐกิจและการค้าที่มีศักยภาพสูง


สองชาติเพื่อนบ้านกัมพูชาและเวียดนามได้ตั้งเป้าการค้าทวิภาคีไวที่ระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในระยะยาว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด่าน "ตันนาม-เมือนเจย" ที่เปิดใหม่ในครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในแรงกำลังสำคัญไปสู่เป้าหมายได้ โดยด่านนี้จะรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบศุลกากร ถนนเชื่อมโยง สะพานมิตรภาพ การอำนวยความสะดวกสำหรับรถบรรทุกและผู้โดยสาร ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศมีความคล่องตัวและทันสมัยยิ่งขึ้น


ขณะที่ข้อมูลการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่ประมาณ 1หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2568 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2567) และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ (2568) จะพุ่งแตะระดับ 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์ได้อย่างแน่นอน 





"กัมพูชา" เร่งกระชับสัมพันธ์ "เวียดนาม"ต่อเนื่อง ท่ามกลางความขัดแย้งกับไทยที่รุนแรงขึ้น


ก่อนหน้านี้ในช่วงปีนี้่ผ่านมา ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้เดินทางไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการหลายครั้ง รวมถึงครั้งนึงเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ได้มีการรหารือกับโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ฮุนเซนได้ตกลงที่จะผลักดันเป้าหมายการค้า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยระบุว่าเป้าหมายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของทั้งสองประเทศในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว


และล่าสุดก่อนการเปิดใช้ด่านพรมแดนไม่นาน ฮุนเซน ก็ได้พบปะต้อนรับคณะผู้แทนจากประเทศเวียดนาม เนื่องในโอกาสเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือและการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนเวียดนาม-กัมพูชา ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา  โดยฮุนเซน ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งในกรอบการทำงานของรัฐบาล นิติบัญญัติ และพรรคการเมือง 


ด้านรองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม บุ่ยแทงเซิน ได้ชื่นชมสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและเวียดนาม โดยเน้นย้ำถึงการขยายตัวของความร่วมมือ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพรรคที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ  และยังได้ย้ำถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเวียดนาม


เวียดนามเป็นประเทศที่ตอบรับและมองเห็นโอกาสในกัมพูชาเสมอมา ในเวทีธุรกิจเวียดนาม–กัมพูชา เมื่อเดือนตุลาคม นางเหงียน ธิ แถง รองประธานสภาแห่งชาติและประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม–กัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชายังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวเวียดนาม โดยระบุว่าปัจจุบันนี้มีโครงการลงทุนจากเวียดนามมากกว่า 200 โครงการที่กำลังดำเนินงานในกัมพูชา โดยย้ำว่ากัมพูชาเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ภายใต้แผนการลงทุนต่างประเทศของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรม เทคโนโลยี การท่องเที่ยว และการค้า


สอดคล้องกับข้อมูลจากเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำกัมพูชา เหงียน มินห์ วู ที่ระบุไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 บอกว่า เวียดนามมีโครงการลงทุนจดทะเบียนในกัมพูชาจำนวน 215 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,940 ล้านดอลลาร์

"สินค้าเวียดนาม" ตีตลาด "กัมพูชา" วางขายแทนที่สินค้า "ไทย" จับตาเสี่ยงกระทบหนักระยะยาว


ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย ได้รายงานเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ประเมินว่าขณะนี้เวียดนามกำลังจับโอกาสทางการตลาดจากไทยท่ามกลางภาวะการค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่หยุดชะงักลง ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568  โดยขณะนี้ มีบริษัทเวียดนามหลายบริษัทเข้ามาศึกษาช่องทางธุรกิจกับผู้ค้าปลีกในกรุงพนมเปญโดยตรงแล้ว


มีสินค้าแบรนด์ของเวียดนามสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้อย่างมาก โดยเฉพาะในหมวดสินค้า บิสกิต นม ช็อกโกแลต และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของเวียดนามหลายบริษัท เช่น Viettel (โทรคมนาคม) BIDV (ธนาคาร) Hoang Anh Gia Lai (เกษตรอุตสาหกรรม) และ Vietnam Rubber Group ต่างก็ได้ตั้งฐานธุรกิจในกัมพูชา แล้ว เช่นกัน


ด้านความความเห็นของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งนำไปสู่มาตรการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าทางบกหยุดชะงักทันที  และการพึ่งพาการขนส่งสินค้าทางบก คือเป็นจุดแข็งของสินค้าไทย หากสูญเสียความได้เปรียบด้านนี้ไปนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดกัมพูชาในระยะยาว ถึงแม้ ผู้บริโภคกัมพูชาจะยังนิยมสินค้าไทยก็ตาม แต่พฤติกรรมตลาดก็สามารถเปลี่ยนได้หากทางเลือกใหม่ๆ ให้ความพึงพอใจที่ใกล้เคียงหรือดีกว่า โดยเฉพาะการซื้อสินค้าจากประเทศอื่นที่สามารถทำการจัดส่งได้ทันเวลา และราคาที่แข่งขันได้