แมคโดนัลด์กำไรตกครั้งแรกในรอบ 3 ปี คาดเพราะถูกแบน-เงินเฟ้อ

ยอดขายของแมคโดนัลด์ แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ของโลก ตกลงเป็นครั้งแรกในรอบนานกว่าสามปี  โดยยอดขายของแมคโดนัลด์ทั่วโลก ในไตรมาสสองของปีนี้ ลดลงมา 1% จากเดิมที่คาดว่าจะโตขึ้น 0.5% ซึ่งสาเหตุมาจากปัญหาเงินเฟ้อ ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องประหยัดค่าใช้จ่าย เลือกซื้อเมนูราคาถูก แทนการซื้อเมนูราคาแพง และผู้บริโภคบางส่วนก็หันมาทำอาหารกินกันเองในบ้านมากขึ้น

ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศอย่างในจีนและในตะวันออกกลาง ยอดขายลดลงมา 1.3% ซึ่งก็เป็นผลมาจากกระแสแบนแมคโดนัลด์ เนื่องจากแมคโดนัลด์เป็นฟาสต์ฟู้ดจากสหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามฉนวนกาซา ทำให้คนที่อยู่ในตะวันออกกลางออกมารณรงค์เลิกซื้ออาหารที่แมคโดนัลด์ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านสงคราม

แมคโดนัลด์ที่เคยเป็นที่ยอมรับว่าเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารราคาถูก และก็เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าที่มีรายได้น้อย แต่ว่าในช่วงเวลาของวิกฤตโควิด ราคาของเมนูอาหารแมคโดนัลด์หลายเมนูได้ขึ้นราคา ยกตัวอย่าง “Big Mac” ที่โดยเฉลี่ยทั่วสหรัฐฯ ขึ้นราคากว่า 21% จากที่เคยขายในราคา $4.37 ขึ้นมาเป็น $5.29 ซึ่งแม้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดร้านอื่นๆ จะขึ้นราคาเหมือนกัน แต่ก็ขึ้นไม่มากเท่ากับแมคโดนัลด์

คริส เคมป์ซินสกี CEO ของแมคโดนัลด์ บอกว่ายอดขายที่ตกลงมา ทำให้ทางบริษัทต้องคิดแผนการตั้งราคาอาหารใหม่ ซึ่งอาจต้องลดราคาอาหารบางเมนู เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ยอดขายตกลงมากกว่านี้ อย่างโปรโมชัน อาหารชุดแฮปปี้ มีล ราคา 5 ดอลลาร์ อาจจะยืดเวลาออกไปอีกเพราะได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่หันมาซื้ออาหารราคาประหยัด และอาจจะมีการลดราคาอาหารเมนูอื่นเพิ่มเติม

—————

ภาพ: Reuters