
รัสเซียและเบลารุสยังคงเดินหน้าซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพใกล้พรมแดนของประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับพันธมิตรตะวันตกยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โปแลนด์ได้ยิงโดรนของรัสเซียที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของตน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศสมาชิกนาโต มีการยิงตอบโต้เป้าหมายของรัสเซียในช่วงสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง
การซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า "ซาปัด-2025” (Zapad-2025) ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างเบลารุส โดยมีขึ้นในสนามฝึกทั้งในรัสเซียและเบลารุส รวมถึงพื้นที่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ด้วย
การซ้อมรบนี้ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านานก่อนเหตุการณ์โดรน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า ในระยะแรกของการซ้อมรบ กองทัพจะจำลองสถานการณ์การป้องกันการโจมตีต่อรัสเซียและเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เรียกว่า "รัฐสหภาพ" (Union State) ส่วนระยะที่สองจะมุ่งเน้นไปที่ “การฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐสหภาพ และการบดขยี้ศัตรู โดยรวมถึงการมีส่วนร่วมของกองกำลังผสมจากรัฐมิตรประเทศด้วย”
เบลารุสมีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสมาชิกนาโตสามประเทศ ได้แก่ โปแลนด์, ลิทัวเนีย และลัตเวีย และติดกับยูเครนทางทิศใต้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครมลินแถลงว่า ความกังวลของยุโรปต่อการฝึกซ้อมรบครั้งนี้ เป็น "การตอบสนองทางอารมณ์" ที่เกิดจากท่าทีเป็นศัตรูต่อรัสเซีย และปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์โดรนในสัปดาห์นี้ ซึ่งถูกมองโดยชาติตะวันตกว่าเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับนาโต และเป็นบททดสอบต่อการตอบโต้ของพันธมิตรนาโต
การซ้อมรบซาปัดครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนก่อนที่รัสเซียจะเริ่มบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ดินแดนของเบลารุสเป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการ
สรุปข่าว
รัสเซียและเบลารุสยังคงเดินหน้าซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพใกล้พรมแดนของประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับพันธมิตรตะวันตกยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โปแลนด์ได้ยิงโดรนของรัสเซียที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของตน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศสมาชิกนาโต มีการยิงตอบโต้เป้าหมายของรัสเซียในช่วงสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง
การซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า "ซาปัด-2025” (Zapad-2025) ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างเบลารุส โดยมีขึ้นในสนามฝึกทั้งในรัสเซียและเบลารุส รวมถึงพื้นที่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ด้วย
การซ้อมรบนี้ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านานก่อนเหตุการณ์โดรน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า ในระยะแรกของการซ้อมรบ กองทัพจะจำลองสถานการณ์การป้องกันการโจมตีต่อรัสเซียและเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เรียกว่า "รัฐสหภาพ" (Union State) ส่วนระยะที่สองจะมุ่งเน้นไปที่ “การฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐสหภาพ และการบดขยี้ศัตรู โดยรวมถึงการมีส่วนร่วมของกองกำลังผสมจากรัฐมิตรประเทศด้วย”
เบลารุสมีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสมาชิกนาโตสามประเทศ ได้แก่ โปแลนด์, ลิทัวเนีย และลัตเวีย และติดกับยูเครนทางทิศใต้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครมลินแถลงว่า ความกังวลของยุโรปต่อการฝึกซ้อมรบครั้งนี้ เป็น "การตอบสนองทางอารมณ์" ที่เกิดจากท่าทีเป็นศัตรูต่อรัสเซีย และปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์โดรนในสัปดาห์นี้ ซึ่งถูกมองโดยชาติตะวันตกว่าเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับนาโต และเป็นบททดสอบต่อการตอบโต้ของพันธมิตรนาโต
การซ้อมรบซาปัดครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนก่อนที่รัสเซียจะเริ่มบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ดินแดนของเบลารุสเป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการ
สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซีย รายงานเมื่อวานนี้ว่า เครื่องบินรบ MiG-31 ของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธคินชาล (Kinzhal) ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง บินเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลแบเรนตส์เป็นเวลาสี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบทางทหาร 'ซาปัด-2025' ที่กำลังดำเนินอยู่
ขีปนาวุธคินชาล ซึ่งแปลว่า “กริช” ในภาษารัสเซีย เป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากอากาศ สามารถบรรทุกหัวรบได้ทั้งแบบนิวเคลียร์และแบบธรรมดา โดยรัสเซียเคยใช้ขีปนาวุธชนิดนี้โจมตียูเครนมาก่อนแล้ว
- รู้จักปฏิบัติการ “Eastern Sentry” แผนใหม่นาโต เสริมความแกร่งยุโรปตะวันออก
- เรือเร็วรัสเซียจมเรือสอดแนมยูเครน
- รัสเซียถล่มกรุงเคียฟครั้งใหญ่ เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย
- สมาชิกนาโตทุ่มงบกลาโหมครบ 2% ของจีดีพีทุกชาติ แต่เพียง 3 ประเทศที่บรรลุ 3.5%
- รัสเซียเปิดเงื่อนไขสันติภาพ UNSC ควรรับประกันความมั่นคงยูเครน ย้ำต้องไม่เข้านาโต
ที่มาข้อมูล : Reuters
ที่มารูปภาพ : Russian Ministry of Defense
