รัสเซียซ้อมรบร่วมกับเบลารุส นำเครื่องบินรบ MiG-31 บินโชว์แสนยานุภาพ

รัสเซียซ้อมรบร่วมกับเบลารุส นำเครื่องบินรบ MiG-31 บินโชว์แสนยานุภาพ

รัสเซียและเบลารุสยังคงเดินหน้าซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพใกล้พรมแดนของประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับพันธมิตรตะวันตกยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โปแลนด์ได้ยิงโดรนของรัสเซียที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของตน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศสมาชิกนาโต มีการยิงตอบโต้เป้าหมายของรัสเซียในช่วงสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง

การซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า "ซาปัด-2025” (Zapad-2025) ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างเบลารุส โดยมีขึ้นในสนามฝึกทั้งในรัสเซียและเบลารุส รวมถึงพื้นที่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ด้วย

การซ้อมรบนี้ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านานก่อนเหตุการณ์โดรน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า ในระยะแรกของการซ้อมรบ กองทัพจะจำลองสถานการณ์การป้องกันการโจมตีต่อรัสเซียและเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เรียกว่า "รัฐสหภาพ" (Union State) ส่วนระยะที่สองจะมุ่งเน้นไปที่ “การฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐสหภาพ และการบดขยี้ศัตรู โดยรวมถึงการมีส่วนร่วมของกองกำลังผสมจากรัฐมิตรประเทศด้วย” 

เบลารุสมีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสมาชิกนาโตสามประเทศ ได้แก่ โปแลนด์, ลิทัวเนีย และลัตเวีย และติดกับยูเครนทางทิศใต้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครมลินแถลงว่า ความกังวลของยุโรปต่อการฝึกซ้อมรบครั้งนี้ เป็น "การตอบสนองทางอารมณ์" ที่เกิดจากท่าทีเป็นศัตรูต่อรัสเซีย และปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์โดรนในสัปดาห์นี้ ซึ่งถูกมองโดยชาติตะวันตกว่าเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับนาโต และเป็นบททดสอบต่อการตอบโต้ของพันธมิตรนาโต

การซ้อมรบซาปัดครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนก่อนที่รัสเซียจะเริ่มบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ดินแดนของเบลารุสเป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการ

สรุปข่าว

รัสเซียยังแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ซ้อมรบร่วมกับเบลารุสภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า "ซาปัด-2025" นำเครื่องบินรบ MiG-31 ติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง บินเหนือทะเลแบเรนตส์นานหลายชั่วโมง ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพใกล้พรมแดนของประเทศสมาชิกของนาโต ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับชาติตะวันตกยังคงอยู่ในระดับสูง

รัสเซียและเบลารุสยังคงเดินหน้าซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพใกล้พรมแดนของประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับพันธมิตรตะวันตกยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โปแลนด์ได้ยิงโดรนของรัสเซียที่รุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของตน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศสมาชิกนาโต มีการยิงตอบโต้เป้าหมายของรัสเซียในช่วงสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง

การซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า "ซาปัด-2025” (Zapad-2025) ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างเบลารุส โดยมีขึ้นในสนามฝึกทั้งในรัสเซียและเบลารุส รวมถึงพื้นที่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ด้วย

การซ้อมรบนี้ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านานก่อนเหตุการณ์โดรน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า ในระยะแรกของการซ้อมรบ กองทัพจะจำลองสถานการณ์การป้องกันการโจมตีต่อรัสเซียและเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เรียกว่า "รัฐสหภาพ" (Union State) ส่วนระยะที่สองจะมุ่งเน้นไปที่ “การฟื้นฟูบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐสหภาพ และการบดขยี้ศัตรู โดยรวมถึงการมีส่วนร่วมของกองกำลังผสมจากรัฐมิตรประเทศด้วย” 

เบลารุสมีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศสมาชิกนาโตสามประเทศ ได้แก่ โปแลนด์, ลิทัวเนีย และลัตเวีย และติดกับยูเครนทางทิศใต้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครมลินแถลงว่า ความกังวลของยุโรปต่อการฝึกซ้อมรบครั้งนี้ เป็น "การตอบสนองทางอารมณ์" ที่เกิดจากท่าทีเป็นศัตรูต่อรัสเซีย และปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์โดรนในสัปดาห์นี้ ซึ่งถูกมองโดยชาติตะวันตกว่าเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับนาโต และเป็นบททดสอบต่อการตอบโต้ของพันธมิตรนาโต

การซ้อมรบซาปัดครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนก่อนที่รัสเซียจะเริ่มบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ดินแดนของเบลารุสเป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการ

สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซีย รายงานเมื่อวานนี้ว่า เครื่องบินรบ MiG-31 ของรัสเซียที่ติดตั้งขีปนาวุธคินชาล (Kinzhal) ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง บินเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลแบเรนตส์เป็นเวลาสี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบทางทหาร 'ซาปัด-2025' ที่กำลังดำเนินอยู่ 

ขีปนาวุธคินชาล ซึ่งแปลว่า “กริช” ในภาษารัสเซีย เป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากอากาศ สามารถบรรทุกหัวรบได้ทั้งแบบนิวเคลียร์และแบบธรรมดา โดยรัสเซียเคยใช้ขีปนาวุธชนิดนี้โจมตียูเครนมาก่อนแล้ว

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Russian Ministry of Defense