กระจายลงทุนในต่างประเทศ ตลาดสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น เอเชีย ให้น้้ำหนัก?

สรุปข่าว

นายภัทรนันท์ ธนียวัน ลิ้มอุดมพร ผู้จัดการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด เปิดเผยว่า  จากนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ "Make America Great Again" ที่เน้นให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจภายในสหรัฐก่อนอื่น การกระจายไปลงทุนในต่างประเทศในระยะถัดไป ทั้งในปลายปี 2567 นี้ ไปถึงปี 2568 


การลงทุนจึงควรให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (DM) ที่มีโอกาสรับรีเทิร์นหรือตอบแทนที่ดีกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นจีน และตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market ) รวมถึงไทย ที่มีความเสี่ยงจะถูกกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐในระยะถัดไป ที่สำคัญ Emerging Market ในเอเชียและไทยยังพึ่งการส่งออกเพื่อเติบโตจึงเสี่ยงที่จะถูกกระทบได้มาก 


เน้นกระจายไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐที่แนวโน้มเติบโต เงินเฟ้อปรับขึ้น แต่ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีโอกาสปรับลดลงมาที่ระดับร้อยละ 3-4 จากปัจจุบันอยู่ระดับร้อยละ 4.50-4.75 


และตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการย้ายฐานการผลิตทางอุตสหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เป็นการกระจายความเสี่ยงจากจีนและไต้หวันมาที่ญี่ปุ่น บวกกับญี่ปุ่นเงินเฟ้อสูงขึ้นไม่มีเงินฝืดแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยมีมากขึ้น แม้จะกระทบตลาดหุ้นในระยะสั้น แต่ระยาวเงินฝากจำนวนมากจะต้องออกมาลงทุนหาผลตอบแทนมากขึ้นเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ทำให้สภาพคล่องในตลาดจะสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว 


รวมถึงตลาดหุ้นอินเดียที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากจากการบริโภคในประเทศสูง และตลาดหุ้นไต้หวันที่ยังมีแนวโน้มเติบโตไปกับชิปชั้นสูงที่ยังเน้นผลิตและพัฒนาในประเทศ ที่ยังน่าสนใจ 


นอกเหนือจากตลาดหุ้น สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำก็ยังน่าสนใจมองบวก แม้อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอนได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว เพราะความขัดแย้งทั่วโลกยังไมชัดเจนในหลายแห่งความต้องการทองคำจึงยังมีพอสมควร ส่วนน้ำมันสหรัฐยังเป็นผู้ส่งออกสุทธิ ดังนั้น กลุ่มโอเปกหรือ  กลุ่มพันธมิตรประเทศผู้ผลิตน้ำมันน่าจะยังลดกำลังการผลิตต่อไป ทำให้ในระยะยาวหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่นักลงทุนที่รับความผันผวนได้น้อยอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ในพอร์ตมากขึ้น ขณะที่น้ำมันและทองก็สามารถกระจายถือลงทุนได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยง  

 

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :