"พริกเดือยไก่"พริกพื้นบ้านทำเงินแสน ส่งลูกเรียนจบกฎหมาย | เรื่องดีดีทั่วไทย | 3-07-68

ภาพมุมสูงที่เห็นยู่นี้ คือ "สวนพริกเดือยไก่" บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ แหล่งผลิตพืชอินทรีย์ที่หล่อเลี้ยงครอบครัวของนางนุชติยา ใจดี ได้อย่างมั่นคง 

นางนุชติยา หรือ “พี่นุช” วัย 50 ปี เล่าว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เธอเคยเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า ก่อนตัดสินใจกลับบ้านเกิด ที่บ้านนาแค หมู่ 5 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล แล้วปรับพื้นที่สวนยางกว่า 3 ไร่ มาทำการเกษตรแบบผสมผสาน หนึ่งในนั้น เลือกที่จะปลูกพริกเดือยไก่

พริกเดือยไก่ ปลูกปีละครั้ง สามารถเก็บได้เกือบ 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัมต่อรอบ 

ราคาขายส่งอยู่ที่ราว 100 บาท //ปลีก 150 บาท หากช่วงราคาดี เคยแตะถึง 220 บาทต่อกิโลกรัม นิยมนำไปทำพริกแกง 

และนอกจากปลูกพริกเดือยไก่แล้ว นางนุชติยาก็ยังปลูกยางพารา //ปลูกข้าวโพดครึ่งไร่ //โหระพา //แมงลัก และไม้ไผ่หวานกินชุง ทุกอย่างปลูกแบบเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบ ใช้น้ำหมักจากปลากับเศษกุ้ง ตามทฤษฎีนากุ้ง ไม่มีเคมี

ส่วนรายได้เสริมมาจากหน่อไม้หวาน โหระพา แมงลัก ซึ่งลูกค้าหลักเป็นทั้งชาวบ้านและผู้สั่งซื้อออนไลน์ผ่าน เฟซบุ๊ก"นุชติยา ใจดี"

นางนุชติยา บอกทิ้งท้ายว่า “เธอกับสามีช่วยกันปลูก ช่วยกันเก็บ ตื่นเช้ามาด้วยกัน เหนื่อยด้วยกัน ชีวิตอาจไม่หวือหวา แต่มีอิสระ มีความสุข และที่สำคัญ เลี้ยงลูกจนเรียนจบกฎหมาย ทำงานรับราชการได้ด้วยผักพื้นบ้านพวกนี้”      

จนทั้งคู่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “คู่ชีวิตนักสู้” ที่ไม่ยอมแพ้ต่อวิถีเมืองใหญ่ กลับมาสร้างรากฐานจากผืนดินบ้านเกิด จนกลายเป็นครอบครัวเกษตรกรที่มั่นคงอย่างแท้จริง

สรุปข่าว

อดีตสาวร้านเครื่องสำอางจับมือคู่ชีวิต ลุยทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยการปลูก "พริกเดือยไก่" ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "พริกพื้นบ้านเงินแสน" สร้างรายได้มั่นคง

ภาพมุมสูงที่เห็นยู่นี้ คือ "สวนพริกเดือยไก่" บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ แหล่งผลิตพืชอินทรีย์ที่หล่อเลี้ยงครอบครัวของนางนุชติยา ใจดี ได้อย่างมั่นคง 

นางนุชติยา หรือ “พี่นุช” วัย 50 ปี เล่าว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เธอเคยเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า ก่อนตัดสินใจกลับบ้านเกิด ที่บ้านนาแค หมู่ 5 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล แล้วปรับพื้นที่สวนยางกว่า 3 ไร่ มาทำการเกษตรแบบผสมผสาน หนึ่งในนั้น เลือกที่จะปลูกพริกเดือยไก่

พริกเดือยไก่ ปลูกปีละครั้ง สามารถเก็บได้เกือบ 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัมต่อรอบ 

ราคาขายส่งอยู่ที่ราว 100 บาท //ปลีก 150 บาท หากช่วงราคาดี เคยแตะถึง 220 บาทต่อกิโลกรัม นิยมนำไปทำพริกแกง 

และนอกจากปลูกพริกเดือยไก่แล้ว นางนุชติยาก็ยังปลูกยางพารา //ปลูกข้าวโพดครึ่งไร่ //โหระพา //แมงลัก และไม้ไผ่หวานกินชุง ทุกอย่างปลูกแบบเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบ ใช้น้ำหมักจากปลากับเศษกุ้ง ตามทฤษฎีนากุ้ง ไม่มีเคมี

ส่วนรายได้เสริมมาจากหน่อไม้หวาน โหระพา แมงลัก ซึ่งลูกค้าหลักเป็นทั้งชาวบ้านและผู้สั่งซื้อออนไลน์ผ่าน เฟซบุ๊ก"นุชติยา ใจดี"

นางนุชติยา บอกทิ้งท้ายว่า “เธอกับสามีช่วยกันปลูก ช่วยกันเก็บ ตื่นเช้ามาด้วยกัน เหนื่อยด้วยกัน ชีวิตอาจไม่หวือหวา แต่มีอิสระ มีความสุข และที่สำคัญ เลี้ยงลูกจนเรียนจบกฎหมาย ทำงานรับราชการได้ด้วยผักพื้นบ้านพวกนี้”      

จนทั้งคู่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “คู่ชีวิตนักสู้” ที่ไม่ยอมแพ้ต่อวิถีเมืองใหญ่ กลับมาสร้างรากฐานจากผืนดินบ้านเกิด จนกลายเป็นครอบครัวเกษตรกรที่มั่นคงอย่างแท้จริง

ที่มาข้อมูล : ผู้สื่อข่าวภูมิภาค

ที่มารูปภาพ : ผู้สื่อข่าวภูมิภาค