
รายงานการศึกษาล่าสุดถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Environmental Research Letters ชี้ให้เห็นถึงอุณหภูมิของพื้นผิวมหาสมุทรในปี 2023-2024 เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันนานถึง 450 วัน โดยบริเวณขอบมหาสมุทรอุ่นขึ้นเร็วกว่าในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ถึง 400%
สรุปข่าว
รายงานการศึกษาล่าสุดถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Environmental Research Letters ชี้ให้เห็นถึงอุณหภูมิของพื้นผิวมหาสมุทรในปี 2023-2024 เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันนานถึง 450 วัน โดยบริเวณขอบมหาสมุทรอุ่นขึ้นเร็วกว่าในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ถึง 400%
ในช่วงปี 2023 ถึงต้นปี 2024 เป็นช่วงของปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งมีผลทำให้อุณหภูมิมหาสมุทรแปซิฟิคสูงขึ้นกว่าปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2015-2016 ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันกลับพบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทร 44% มาจากการที่มหาสมุทรดูดซับความร้อนไวขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา และหากมหาสมุทรยังคงมีแนวโน้มดูดซับความร้อนในระดับนี้ต่อไปอีก 20 ปี ข้างหน้า อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยพบในรอบ 40 ปี อย่างไรก็ตาม การลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยลดอุณหภูมิโลกลง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- ปากีสถานร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงขาดน้ำรุนแรง
- "มูลเพนกวิน" สร้างเมฆบังแดด ช่วยชะลอโลกร้อนที่แอนตาร์กติกา
- วิกฤตอากาศดึงเศรษฐกิจทรุด UN ชี้ต้องลดการปล่อยคาร์บอน เศรษฐกิจโลกถึงจะฟื้น!
- “กรีซ” เข้าสู่ฤดูไฟป่า ปีนี้อาจรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เพราะภาวะโลกร้อน
ที่มาข้อมูล : Sciencealert.com
ที่มารูปภาพ : Envato
TNNThailand