โลกร้อนเที่ยวยากขึ้น! คำว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” อาจไม่มีจริงอีกต่อไป

โลกร้อนเที่ยวยากขึ้น! คำว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” อาจไม่มีจริงอีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังรื้อกฎการวางแผนการเดินทางที่เคยใช้กันมา ในอดีต “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” หมายถึงฤดูกาลที่มีสภาพอากาศดีและเอื้อต่อกิจกรรม แต่ปัจจุบันฤดูกาลกลับไม่เสถียรเหมือนเดิม ตัวอย่างเช่น การเดินทางในเดือนเมษายน–พฤษภาคม ซึ่งควรเป็นฤดูไฮซีซันของเนปาล กลับพบหมอกควันหนาและทัศนวิสัยต่ำ รวมถึงฝนมรสุมที่มาเร็วกว่าปกติ ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น ออสเตรเลียร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ญี่ปุ่นซากุระบานเร็วขึ้น และยุโรปมีฤดูร้อนยาวนานขึ้น ฤดูหนาวสั้นลง

 

สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น คลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วม หรือฝนหนัก อาจเกิดได้ตลอดปี ทำให้การพยากรณ์แม้ระยะสั้นก็ไม่แน่นอน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องเผชิญความยากลำบากในการให้คำแนะนำเรื่องฤดูกาล ข้อมูลที่ให้แก่นักท่องเที่ยวมักล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน บางครั้งเพราะขาดการสื่อสารระหว่างทีมงาน หรือไม่อยากให้ข้อมูลที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนใจ ส่งผลให้ผู้เดินทางเตรียมตัวไม่พร้อมและประสบการณ์เสียไป

 

สรุปข่าว

คำว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยว” อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปเนื่องจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ฤดูกาลไม่เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการต้องปรับตัว เตรียมแผนสำรอง ใช้ข้อมูลเรียลไทม์ และเลือกช่วงเดินทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังรื้อกฎการวางแผนการเดินทางที่เคยใช้กันมา ในอดีต “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” หมายถึงฤดูกาลที่มีสภาพอากาศดีและเอื้อต่อกิจกรรม แต่ปัจจุบันฤดูกาลกลับไม่เสถียรเหมือนเดิม ตัวอย่างเช่น การเดินทางในเดือนเมษายน–พฤษภาคม ซึ่งควรเป็นฤดูไฮซีซันของเนปาล กลับพบหมอกควันหนาและทัศนวิสัยต่ำ รวมถึงฝนมรสุมที่มาเร็วกว่าปกติ ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น ออสเตรเลียร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ญี่ปุ่นซากุระบานเร็วขึ้น และยุโรปมีฤดูร้อนยาวนานขึ้น ฤดูหนาวสั้นลง

 

สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น คลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วม หรือฝนหนัก อาจเกิดได้ตลอดปี ทำให้การพยากรณ์แม้ระยะสั้นก็ไม่แน่นอน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องเผชิญความยากลำบากในการให้คำแนะนำเรื่องฤดูกาล ข้อมูลที่ให้แก่นักท่องเที่ยวมักล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน บางครั้งเพราะขาดการสื่อสารระหว่างทีมงาน หรือไม่อยากให้ข้อมูลที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนใจ ส่งผลให้ผู้เดินทางเตรียมตัวไม่พร้อมและประสบการณ์เสียไป

 

ปัจจัยอีกอย่างคือความคาดหวังของนักท่องเที่ยวที่ยังยึดภาพในอุดมคติ โดยโซเชียลมีเดียยิ่งตอกย้ำภาพสวย แต่ไม่บอกสภาพความเป็นจริงของฤดูกาล ขณะที่การจองทริปล่วงหน้าหลายเดือนทำให้ยากต่อการอัปเดตตามสภาพอากาศจริงด้วย

 

แนวทางรับมือคือการเตรียมความยืดหยุ่น เช่น ปรับรายการสิ่งที่ต้องเตรียมตามสภาพอากาศที่ไม่คาดคิด มีประกันการเดินทาง จัดนโยบายเลื่อนหรือยกเลิกได้ และเตรียมแผนสำรองเมื่อตารางกิจกรรมเปลี่ยน รวมถึงใช้ข้อมูลจากคนพื้นที่หรือแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น แอปพยากรณ์ลมและฝน เว็บไซต์คุณภาพอากาศ หรือฟอรั่มนักเดินทาง

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไปใช้ช่วง “shoulder season” หรือ ช่วงนอกฤดูกาลคือช่วงระหว่างช่วงพีคและช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยและมีนักท่องเที่ยวไม่มาก เช่น ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงในยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนและความแออัด รวมถึงการท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูกาลในประเทศตนเองเพื่อสัมผัสมุมมองใหม่ เช่น น้ำตกและป่าเขียวช่วงมรสุม

 

แม้คู่มือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” จะยังคงอยู่ แต่ไม่อาจพึ่งพาฤดูกาลตามประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว นักเดินทางยุคใหม่จำเป็นต้องเปิดใจ ยืดหยุ่น และพร้อมปรับแผนเพื่อรับมือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่รูปแบบการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีคุณค่ามากกว่าเดิม

ที่มาข้อมูล : BBC

ที่มารูปภาพ : Reuters