
ทีมวิจัย World Weather Attribution พบว่า คลื่นความร้อนที่ปกคลุมประเทศนอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025 มีอุณหภูมิสูงขึ้นราว 2°C และมีโอกาสเกิดมากขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า
ช่วงเวลาดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงกว่า 30°C ต่อเนื่องยาวนานเป็นประวัติการณ์ ฟินแลนด์เจออากาศร้อนจัดเกิน 30°C ติดต่อกัน 22 วัน ขณะที่ในเขตอาร์กติกของนอร์เวย์มีอุณหภูมิทะลุ 30°C ถึง 13 วัน ส่งผลให้โรงพยาบาลในหลายพื้นที่แออัดและร้อนเกินรับไหว เกิดไฟป่า สาหร่ายพิษในแหล่งน้ำ และจำนวนผู้จมน้ำเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
สรุปข่าว
“โลกร้อน” ทำให้คลื่นความร้อนในนอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ เดือนก.ค. ที่ผ่านมารุนแรงขึ้น 2°C และเกิดบ่อยขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า อุณหภูมิสูงเกิน 30°C ต่อเนื่องยาวนานเป็นประวัติการณ์ นักวิจัยเตือนว่า หากอุณหภูมิโลกแตะ 2.6°C คลื่นร้อนจะเกิดบ่อยขึ้น 5 เท่าและร้อนกว่าเดิม เสี่ยงกระทบสุขภาพและระบบนิเวศหนัก
ทีมวิจัย World Weather Attribution พบว่า คลื่นความร้อนที่ปกคลุมประเทศนอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025 มีอุณหภูมิสูงขึ้นราว 2°C และมีโอกาสเกิดมากขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า
ช่วงเวลาดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงกว่า 30°C ต่อเนื่องยาวนานเป็นประวัติการณ์ ฟินแลนด์เจออากาศร้อนจัดเกิน 30°C ติดต่อกัน 22 วัน ขณะที่ในเขตอาร์กติกของนอร์เวย์มีอุณหภูมิทะลุ 30°C ถึง 13 วัน ส่งผลให้โรงพยาบาลในหลายพื้นที่แออัดและร้อนเกินรับไหว เกิดไฟป่า สาหร่ายพิษในแหล่งน้ำ และจำนวนผู้จมน้ำเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น
นักวิจัยเตือนว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 2.6°C ภายในศตวรรษนี้ คลื่นความร้อนแบบเดียวกันจะเกิดบ่อยขึ้นถึง 5 เท่าและร้อนกว่านี้อีก 1.4°C ทั้งยังคาดว่าโอกาสเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดที่ภูมิภาคนี้เจอคลื่นความร้อนรุนแรง คลื่นความร้อนในประเทศที่มีภูมิอากาศเย็นก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างเงียบงัน หรือ “นักฆ่าเงียบ” โดยอาจมีผู้เสียชีวิตจากความร้อนหลายร้อยคน ย้อนกลับไปปี 2018 สวีเดนมีผู้เสียชีวิตเกินคาดราว 750 คนในช่วงคลื่นความร้อน 5 สัปดาห์ ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นในประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานและระบบบริการสาธารณสุขไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับอุณหภูมิสูง
อากาศร้อนผิดปกติทำให้กวางเรนเดียร์ต้องหนีความร้อนเข้าไปหลบในเมือง เสี่ยงตายจากความร้อนจัด ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและรายได้ของชุมชนชนพื้นเมืองซามิที่เลี้ยงเรนเดียร์มานานกว่า 1,000 ปี ขณะเดียวกันก็เป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศในภูมิภาค
นักวิจัยย้ำว่า เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนว่าไม่มีประเทศใดปลอดภัยจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจำเป็นต้องเร่งลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในอนาคต
- อังกฤษเตือนภัยชุดนักเรียน พบ “สารเคมีตกค้าง” เสี่ยงทำร้ายสุขภาพเด็ก
- โลกร้อนเร่งพายุ–ฝนถล่ม แม่น้ำในบรรยากาศขยายตัว ไทยเสี่ยงเจอฝน 200 มม./วัน
- ฝรั่งเศสร้อนระอุ! นกตกจากรัง-สัตว์ทยอยล้มป่วย ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์รับมือไม่ไหว
- คริสต์มาสอาจไร้ “เรนเดียร์” เสี่ยงสูญพันธุ์ 80% เหตุโลกร้อน
- “หญ้าทะเล” ผู้พิทักษ์คาร์บอนใต้ทะเลที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
- แคนาดา-ยุโรปร้อนระอุ ไฟป่าปะทุพร้อมกันหลายประเทศ ซ้ำเติมคลื่นความร้อนรุนแรง
- โลกร้อนเที่ยวยากขึ้น! คำว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” อาจไม่มีจริงอีกต่อไป
ที่มาข้อมูล : euronews.com
ที่มารูปภาพ : NASA
