“บ้าน” ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เมื่อวิกฤตภูมิอากาศรุนแรง บีบชีวิตและสุขภาพมนุษย์

“บ้าน” ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป   เมื่อวิกฤตภูมิอากาศรุนแรง  บีบชีวิตและสุขภาพมนุษย์

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญวิกฤตภูมิอากาศ เหตุการณ์สุดขั้วอย่างคลื่นความร้อน น้ำท่วมใหญ่ และไฟป่ามีแนวโน้มเกิดถี่และรุนแรงขึ้น บ้านซึ่งเป็นที่พักพิงและหลบภัยจากสภาพอากาศจึงไม่อาจถูกมองเพียงในมิติการอยู่อาศัยอีกต่อไป หากแต่เป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัย สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของมนุษย์โดยตรง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อบ้านและสุขภาพในหลายด้าน

ผลต่อสิ่งแวดล้อมในบ้าน คลื่นความร้อนทำให้บ้านร้อนอบอ้าวและวัสดุก่อสร้างเสื่อมสภาพ ปล่อยสารพิษที่กระทบคุณภาพอากาศภายใน ขณะที่ไฟป่าสร้างมลพิษฝุ่นควัน และน้ำท่วมหรือพายุทำให้บ้านเสียหาย เกิดเชื้อราและเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจหรือโรคติดต่อ

ผลต่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ภัยพิบัติทำให้ครัวเรือนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ค่าประกันภัยที่สูงขึ้น และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยหรือผู้เช่าที่อยู่อาศัยที่มักเผชิญกับบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเปราะบางต่อความเสียหายมากกว่า

สรุปข่าว

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลโดยตรงต่อ “บ้าน” ทั้งความร้อนจัด น้ำท่วม ไฟป่า และคุณภาพอากาศที่เสื่อมลง กระทบต่อสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัย ภาระค่าใช้จ่ายด้านซ่อมแซม ประกันภัย และค่าครองชีพยิ่งทำให้ผู้มีรายได้น้อยเปราะบางและเผชิญความเหลื่อมล้ำหนักขึ้น การสร้างบ้านที่ทนทานต่อภูมิอากาศ แข็งแรง ประหยัดพลังงาน และเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตในอนาคต

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญวิกฤตภูมิอากาศ เหตุการณ์สุดขั้วอย่างคลื่นความร้อน น้ำท่วมใหญ่ และไฟป่ามีแนวโน้มเกิดถี่และรุนแรงขึ้น บ้านซึ่งเป็นที่พักพิงและหลบภัยจากสภาพอากาศจึงไม่อาจถูกมองเพียงในมิติการอยู่อาศัยอีกต่อไป หากแต่เป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัย สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของมนุษย์โดยตรง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อบ้านและสุขภาพในหลายด้าน

ผลต่อสิ่งแวดล้อมในบ้าน คลื่นความร้อนทำให้บ้านร้อนอบอ้าวและวัสดุก่อสร้างเสื่อมสภาพ ปล่อยสารพิษที่กระทบคุณภาพอากาศภายใน ขณะที่ไฟป่าสร้างมลพิษฝุ่นควัน และน้ำท่วมหรือพายุทำให้บ้านเสียหาย เกิดเชื้อราและเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจหรือโรคติดต่อ

ผลต่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ภัยพิบัติทำให้ครัวเรือนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ค่าประกันภัยที่สูงขึ้น และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยหรือผู้เช่าที่อยู่อาศัยที่มักเผชิญกับบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเปราะบางต่อความเสียหายมากกว่า

ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เมื่อพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติกลายเป็นที่ต้องการ ราคาที่อยู่อาศัยจึงสูงขึ้น ทำให้ครอบครัวรายได้น้อยถูกผลักไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมากกว่า ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “การเก็งกำไรพื้นที่ปลอดภัยจากภูมิอากาศ” ซึ่งซ้ำเติมความไม่เท่าเทียม

แนวทางบ้านที่ทนทานต่อภูมิอากาศ เพื่อรับมือกับวิกฤต บ้านควรถูกออกแบบให้แข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศสุดขั้ว มีฉนวน ระบายอากาศได้ดี ใช้วัสดุทนไฟและทนความร้อน ตลอดจนพัฒนากฎหมายอาคารและมาตรฐานที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพอากาศปัจจุบัน นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัยควรเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสอยู่อย่างปลอดภัย

บ้านไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นเกราะปกป้องสุขภาพและชีวิตของมนุษย์ในโลกที่กำลังร้อนขึ้น การสร้างและปรับปรุงบ้านให้ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการจัดการความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัย จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้คนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย มั่นคง และมีคุณภาพในอนาคต

ที่มาข้อมูล : theconversation.com

ที่มารูปภาพ : Envato