กว่า 80 ชาติผนึกกำลังใน COP30 เร่งทำ “โรดแมปยุติฟอสซิล” ช่วยดึงโลกออกจากวิกฤตโลกร้อน

Share on Line Share on Facebook Share on X
กว่า 80 ชาติผนึกกำลังใน COP30 เร่งทำ “โรดแมปยุติฟอสซิล” ช่วยดึงโลกออกจากวิกฤตโลกร้อน

การประชุมสุดยอดโลกร้อน COP30 เดินหน้าเข้าสู่ช่วงเจรจาที่ตึงเครียด เมื่อมากกว่า 80 ประเทศจากแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา แปซิฟิก รวมถึงชาติสมาชิกสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ออกมาเรียกร้องร่วมกันให้ “โรดแมปยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” กลายเป็นผลลัพธ์หลักของการประชุม แม้จะถูกต่อต้านอย่างหนักจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และเศรษฐกิจมหาอำนาจบางประเทศก็ตาม

กลุ่มประเทศเหล่านี้ประกาศจุดยืนร่วมกันในระหว่างการแถลงข่าวใหญ่ในเมืองเบเลง โดยย้ำว่าการ “เปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิล” ต้องถูกบรรจุไว้ในเจรจา หากโลกต้องการรักษาเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากภาคประชาชนและนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนผ่านยุคพลังงาน

หนึ่งในประเด็นความขัดแย้งตลอดการประชุมคือทางการบราซิลในฐานะเจ้าภาพ ได้ปฏิเสธที่จะใส่ประเด็น “การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิล” ลงในวาระหลักของการประชุม รวมถึงไม่มีการบรรจุไว้ในกระบวนการปรึกษาหารือของประธานการประชุมในประเด็นยากที่สุด 4 ด้าน ได้แก่

  1. การเงิน
  2. การค้า
  3. ความโปร่งใส
  4. ความอ่อนแอของแผนลดการปล่อย (NDCs) ของแต่ละประเทศ

หลังถูกกดดันมาตลอด บราซิลจึงเสนอร่างข้อความล่าสุดที่เอ่ยถึง “โรดแมปยุติฟอสซิล” เป็นเพียงหนึ่งใน “ทางเลือก” ซึ่งหลายประเทศมองว่ายังอ่อนเกินไปและไม่ชัดเจนว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง

สรุปข่าว

ท่ามกลางการเจรจาที่ยังดูเหมือนไม่ชัดเจนนักในเวทีโลกร้อน “COP30” กว่า 80 ประเทศจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ผนึกกำลังส่งเสียงเรียกร้องครั้งสำคัญให้ที่ประชุมเร่งกำหนด “โรดแมปยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” อย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นแรงกดดันครั้งใหญ่ต่อฝ่ายอุตสาหกรรมผู้พึ่งพาน้ำมันและถ่านหิน และต่อประธานการประชุมที่ยังลังเลไม่บรรจุประเด็นนี้ลงในวาระหลัก นักรณรงค์ย้ำ นี่อาจเป็น “จุดเปลี่ยนของ COP30” หากผู้นำโลกกล้าตัดสินใจเดินหน้าเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานที่ทำให้โลกร้อนหนักขึ้นทุกปี เพราะหลายประเทศกำลังเสี่ยงต่อวิกฤตภูมิอากาศเร็วกว่าที่คาด

การประชุมสุดยอดโลกร้อน COP30 เดินหน้าเข้าสู่ช่วงเจรจาที่ตึงเครียด เมื่อมากกว่า 80 ประเทศจากแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา แปซิฟิก รวมถึงชาติสมาชิกสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ออกมาเรียกร้องร่วมกันให้ “โรดแมปยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” กลายเป็นผลลัพธ์หลักของการประชุม แม้จะถูกต่อต้านอย่างหนักจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และเศรษฐกิจมหาอำนาจบางประเทศก็ตาม

กลุ่มประเทศเหล่านี้ประกาศจุดยืนร่วมกันในระหว่างการแถลงข่าวใหญ่ในเมืองเบเลง โดยย้ำว่าการ “เปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิล” ต้องถูกบรรจุไว้ในเจรจา หากโลกต้องการรักษาเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากภาคประชาชนและนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนผ่านยุคพลังงาน

หนึ่งในประเด็นความขัดแย้งตลอดการประชุมคือทางการบราซิลในฐานะเจ้าภาพ ได้ปฏิเสธที่จะใส่ประเด็น “การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิล” ลงในวาระหลักของการประชุม รวมถึงไม่มีการบรรจุไว้ในกระบวนการปรึกษาหารือของประธานการประชุมในประเด็นยากที่สุด 4 ด้าน ได้แก่

  1. การเงิน
  2. การค้า
  3. ความโปร่งใส
  4. ความอ่อนแอของแผนลดการปล่อย (NDCs) ของแต่ละประเทศ

หลังถูกกดดันมาตลอด บราซิลจึงเสนอร่างข้อความล่าสุดที่เอ่ยถึง “โรดแมปยุติฟอสซิล” เป็นเพียงหนึ่งใน “ทางเลือก” ซึ่งหลายประเทศมองว่ายังอ่อนเกินไปและไม่ชัดเจนว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง

รัฐมนตรีด้านพลังงานและทูตด้านสภาพภูมิอากาศจากหลายประเทศ ระบุสาเหตุที่ต้องรวมพลังดังนี้ ประเทศต่าง ๆ เชื่อว่า หากไม่มีแผนลดการใช้ฟอสซิลอย่างจริงจัง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาเป้าหมาย 1.5 องศา ซึ่งโรดแมปนี้จะไม่บังคับให้ทุกประเทศเดินตามเส้นทางเดียวกัน แต่จะช่วยกำหนด “แนวทางชัดเจน” ที่คำนึงถึงบริบทของแต่ละประเทศ โดยประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งต้องการการสนับสนุนด้านการเงินและเทคโนโลยี เพื่อเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ซึ่งรัฐมนตรีจากวานูอาตูให้ความเห็นว่า ร่างข้อความปัจจุบันยัง “ไม่เข้มแข็งพอ” และควรมีเป้าหมายชัดเจน วัดผลได้ และชี้ให้เห็นขั้นตอนของโรดแมปอย่างเป็นรูปธรรม

แม้มีประเทศสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่กลไกของ UNFCCC ใช้ “ฉันทามติ” ทำให้เพียงไม่กี่ประเทศสามารถขัดขวางข้อตกลงได้ โดยคาดว่าผู้ที่จะคัดค้านมากที่สุดคือ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย โบลิเวีย และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น ส่วนสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหลักเพียงชาติเดียวที่ไม่เข้าร่วมการประชุมในเบเลงปีนี้ และบราซิลเองก็มีความเห็นขัดแย้งภายในรัฐบาล ระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนการเลิกฟอสซิลกับฝ่ายที่ต้องการเดินหน้าการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวในเบเลงกว่า 40,000 คน รวมถึงนักเคลื่อนไหวทั่วโลก กดดันให้ผู้นำประเทศต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อฟอสซิล โดยมองว่าการออกโรดแมปจะเป็นสัญญาณสำคัญจากทั้งประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศชี้ว่า หาก COP30 ไม่สามารถยืนยันการลดละจากฟอสซิลอย่างเป็นระบบ โลกจะยิ่งห่างไกลจากการควบคุมสภาวะโลกร้อนในศตวรรษนี้ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมบราซิลระบุว่า โรดแมปนี้คือ “คำตอบด้านจริยธรรมของมนุษยชาติ” พร้อมขอให้ทุกประเทศ “กล้าหาญพอที่จะพิจารณาอย่างจริงจัง”

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters