
สรุปข่าว
หากย้อนกลับไปเมื่อ 4 นัดหลังสุดในศึกพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนน อาร์เซนอล ยังคงนำจ่าฝูง ตามด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตามหลังอยู่ถึง 8 คะแนน และในตอนนั้น อาร์เซนอล สามารถเก็บชัยชนะในลีกติดต่อกันได้ถึง 7 นัดติดต่อกัน ทำเอาแฟนบอลของเรือใบสีฟ้า เริ่มออกอาการท้อในการไล่ตาม
แต่ทว่า จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การลุ้นแชมป์เริ่มคับเคี่ยวกันอย่างสนุก เมื่อ อาร์เซนอล พลาดท่าเสมอให้กับ ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 2-2 จากการที่ทีมออกนำห่างไปถึง 2 ประตูก่อน และรูปแบบเดิมๆ ก็มาลงโทษพวกเขาอีกครั้งในเกมที่ เสมอกับ เวสต์แฮม 2-2 จากการที่พวกเขานำก่อน 2 ประตูเช่นกัน
ต่อมาในเกมที่พบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง อาร์เซนอล ต้องการ 3 คะแนนสำคัญ เพื่อการรักษาโมเมนตั้มของทีมในการลุ้นแชมป์ต่อไป แต่ลูกทีมของ อาร์เตต้า ทำได้เพียงเสมอ 3-3 กับนักบุญแดนใต้ โดยได้ โอเดการ์ด และ ซาก้า ช่วยกันยิงประตูในช่วงท้ายเกมเพื่อตามตีเสมอ
จากผลงาน 3 นัดที่ผ่านมา พวกเขาเก็บได้เพียง 3 คะแนน จากผลเสมอทั้ง 3 นัด ผิดกับทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังทำแต้มไล่พวกเขามา สามารถเก็บชัยได้ 3 นัดรวด โดยเอาชนะ ลิเวอร์พูล และ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปด้วยสกอร์ 4-1 แถมยังเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ อีก 3-1 ทำให้เก็บ 9 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
และก่อนเกมที่จะเจอกัน ทำให้ช่องว่างคะแนนห่างกันเพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น จนมาถึงเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ออกสตาร์ทเกมเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จาก เควิน เดอ บรอยน์ กระชากฝ่าแนวรับ อาร์เซนอล ไปถึงหน้าเขตโทษแล้วสับไกยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ส่งให้เรือใบสีฟ้าออกนำ 1-0
ช่วงทดเวลานาทีที่ 45+2 แชมป์เก่ามาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากลูกฟรีคิกที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดเข้าเขตโทษให้ จอห์น สโตนส์ ขึ้นโหม่งตุงตาข่าย ทำให้กลายเป็นประตูหนีห่างของเจ้าบ้าน 2-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาทีที่ 54 ซิตี้มาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ จับแล้วแปด้วยขวาลอดขา ร็อบ โฮลดิ้ง และผ่านมือ อารอน แรมส์เดล ไม่เหลือ เป็นลูกสองของจอมทัพชาวเบลเยียมในเกมนี้ด้วย ส่งให้เรือใบสีฟ้านำห่าง 3-0
ท้ายเกมนาทีที่ 86 อาร์เซนอล มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลุยแหวกแนวรับเจ้าบ้านในเขตโทษแล้วพาบอลไปเข้าทาง ร็อบ โฮลดิ้ง ตวัดยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ทำให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-3
ทว่าช่วงทดเวลานาทีที่ 90+5 แชมป์เก่าก็มาได้บวกลูกสี่ปิดกล่อง จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น แตะบอลไปแฉลบโดน ร็อบ โฮลดิ้ง แล้วทะลักเข้าเขตโทษไปเข้าทาง เออร์ลิง ฮาลันด์ โฉบมายิงด้วยซ้ายอย่างเด็ดขาด ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ชนะไป 4-1
ทั้งนี้ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บเพิ่มเป็น 73 แต้ม รั้งอันดับ 2 ต่อไป แต่ไล่จี้จ่าฝูงซึ่งก็คือ อาร์เซนอล เหลือเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้นแล้ว แถมยังแข่งน้อยกว่าถึง 2 นัดอีกด้วย
จากสถานการณ์ดังกล่าว 5 เกมหลังสุด อาร์เซนอล เก็บชัยชนะไปได้เพียง 1 นัด และเสมอ 3 นัด และแพ้อีก 1 นัด บอกตามตรงเลยว่าโอกาสลุ้นแชมป์ของ อาร์เซนอล กับสถานการณ์ที่แข่งน้อยกว่า ซิตี้ อีก 2 นัด มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แล้วที่จะคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้ และในตามหลักทฤษฎี ตอนนี้ ไอ้ปืนใหญ่ ก็ยังนำเป็นจ่าฝูง ก็คงจะต้องสู้กันต่อไป
หากจะมองว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาลุ้นคว้าแชมป์ได้เต็มตัว ก็น่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ต่างๆ เพราะนักเตะเรือใบสีฟ้า ต่างเคยผ่านสถานการณ์เหล่านี้กันมาหมดแล้ว และทำให้มีความนิ่งและไม่กดดันเท่ากับ นักเตะอาร์เซนอล จนทำให้โอกาสการคว้าแชมป์กลับมาเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ที่มาภาพ : AFP
- คนร้ายขับรถยนต์พุ่งชนแฟนบอลลิเวอร์พูลไม่เลือกหน้าขณะฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก
- ลิเวอร์พูล จ่อคว้าแข้งใหม่รายที่ 2! โรมาโน่ ระบุเตรียมปิดดีล เคอร์เคซ
- เดอ บรอยน์ เผยหลายทีมรุมจีบ แต่ยังไม่เลือกว่าจะย้ายไปไหน
- มาเรสกา ซูฮก กูกูเรยา หลังซัดประตูชัยพา เชลซี เปิดบ้านเชือด แมนฯ ยูฯ
- ผลบอล พรีเมียร์ลีก 2024/25 : เรือใบบุกทั้งเกมแต่เจาะนักบุญไม่ได้ เสมอจืด 0-0
- มาดริด เตรียมจ่ายเงิน "หงส์แดง" หวังดึง เทรนต์ ร่วมทัพก่อนหมดสัญญา!
- พรีวิว พรีเมียร์ลีก 2024/25 : เซาธ์แฮมป์ตัน พบ แมนฯ ซิตี้
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand