ส่องประวัติ 'อเลฮานโดร การ์นาโช่' ในวันที่ไม่อยากเป็น 'ปีศาจแดง'

ส่องประวัติ 'อเลฮานโดร การ์นาโช่' ในวันที่ไม่อยากเป็น 'ปีศาจแดง'

แมนฯ ยูไนเต็ด มีฤดูกาลที่ล้มเหลวอย่างมากเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังจบในอันดับที่ 15 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของทีมปีศาจแดง นับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดของอังกฤษถูกแยกตัวออกมาเป็นพรีเมียร์ลีก ขณะที่รายการอื่นๆ ก็วืดแชมป์หมด แม้จะผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้ก็ตาม แต่ก็ไปแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างน่าผิดหวัง

ภายใต้ความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั้น ก็มีนักเตะหลายรายที่คาดว่าน่าจะออกจากทีม ไม่ว่าจะเป็นการถูกขายออกเพื่อนำเงินเข้ามาเป็นทุนในการหาซื้อนักเตะใหม่ หรือจะเป็นพวกที่หมดสัญญาและไม่ได้รับการต่อออกไป เพื่อเป็นการให้ รูเบน อาโมริม ได้สร้างทีมใหม่ให้เหมาะสมกับแนวทางการทำทีมของเขา

ซึ่งในส่วนที่จะถูกขายออกนั้น ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่นักเตะที่ถูกมองว่าฟอร์มการเล่นน่าผิดหวัง ก็จะมีอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือพวกที่มีปัญหากับสโมสร ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีอยู่เพียงหนึ่งรายหลักๆ ที่ชัดเจนว่า อาโมริม ไม่ต้องการ นั่นคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูกปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวไปใช้งาน

ขณะที่ในเคสของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เหมือนจะโดนลงโทษแค่ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นปีกอาร์เจนไตน์รายนี้ก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในทีมตามปกติ และได้ลงเล่นจนกระทั่งจบฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ดราม่าก็มาบังเกิดขึ้นหลังจบเกม ยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ต่อ สเปอร์ส 0-1 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าผิดหวัง ซึ่ง การ์นาโช่ ดันไปให้สัมภาษณ์ว่า "ซีซั่นนี้มันแย่มาก ผมเล่นครบเกือบทุกรอบ แต่ต้องมานั่งข้างสนามในนัดชิงชนะเลิศ มันเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ หลังจากนี้ผมจะไปพักร้อน และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

ขณะที่น้องชายของ การ์นาโช่ ก็มีการโพสต์ข้อความในโซเชี่ยลมีเดียเหมือนกันว่า "ทำงานหนักแบบที่ไม่มีใครเหมือน ช่วยทีมมาทุกรอบ มีส่วนกับรอบชิงชนะเลิศมา 2 ครั้ง แต่กลับได้ลงสนามแค่ 19 นาที สุดท้ายก็โดนโยนทิ้ง"

แน่นอนว่า มีรายงานตามหลังมาทันทีว่า อาโมริม ได้แจ้งกับ การ์นาโช่ ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เลยว่าให้หาทีมใหม่รอเอาไว้ได้เลยในซัมเมอร์นี้ ขณะที่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่แคร์ ต้องการย้ายออกจากทีมด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนปลายทางจะเป็นสโมสรใดนั้น เราคงต้องติดตามกันต่อไป

ในวันนี้ เราจะมาส่องประวัติของเจ้าหนูสิงห์นักเตะวัย 20 ปีรายนี้กันหน่อยว่า เติบโตและกลายมาเป็นดาวรุ่งอันเจิดจรัสนี้ได้อย่างไร และถือว่าน่าเสียดายเช่นกันที่เพชรเม็ดงามรายนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตกับทีมปีศาจแดงในไม่ช้า

สรุปข่าว

ส่องประวัติ อเลฮารโดร การ์นาโช่ ดาวรุ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตของทีมปีศาจแดงในอีกไม่นานหลังจากนี้

แมนฯ ยูไนเต็ด มีฤดูกาลที่ล้มเหลวอย่างมากเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังจบในอันดับที่ 15 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของทีมปีศาจแดง นับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดของอังกฤษถูกแยกตัวออกมาเป็นพรีเมียร์ลีก ขณะที่รายการอื่นๆ ก็วืดแชมป์หมด แม้จะผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้ก็ตาม แต่ก็ไปแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างน่าผิดหวัง

ภายใต้ความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั้น ก็มีนักเตะหลายรายที่คาดว่าน่าจะออกจากทีม ไม่ว่าจะเป็นการถูกขายออกเพื่อนำเงินเข้ามาเป็นทุนในการหาซื้อนักเตะใหม่ หรือจะเป็นพวกที่หมดสัญญาและไม่ได้รับการต่อออกไป เพื่อเป็นการให้ รูเบน อาโมริม ได้สร้างทีมใหม่ให้เหมาะสมกับแนวทางการทำทีมของเขา

ซึ่งในส่วนที่จะถูกขายออกนั้น ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่นักเตะที่ถูกมองว่าฟอร์มการเล่นน่าผิดหวัง ก็จะมีอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือพวกที่มีปัญหากับสโมสร ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีอยู่เพียงหนึ่งรายหลักๆ ที่ชัดเจนว่า อาโมริม ไม่ต้องการ นั่นคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูกปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวไปใช้งาน

ขณะที่ในเคสของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เหมือนจะโดนลงโทษแค่ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นปีกอาร์เจนไตน์รายนี้ก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในทีมตามปกติ และได้ลงเล่นจนกระทั่งจบฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ดราม่าก็มาบังเกิดขึ้นหลังจบเกม ยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ต่อ สเปอร์ส 0-1 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าผิดหวัง ซึ่ง การ์นาโช่ ดันไปให้สัมภาษณ์ว่า "ซีซั่นนี้มันแย่มาก ผมเล่นครบเกือบทุกรอบ แต่ต้องมานั่งข้างสนามในนัดชิงชนะเลิศ มันเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ หลังจากนี้ผมจะไปพักร้อน และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

ขณะที่น้องชายของ การ์นาโช่ ก็มีการโพสต์ข้อความในโซเชี่ยลมีเดียเหมือนกันว่า "ทำงานหนักแบบที่ไม่มีใครเหมือน ช่วยทีมมาทุกรอบ มีส่วนกับรอบชิงชนะเลิศมา 2 ครั้ง แต่กลับได้ลงสนามแค่ 19 นาที สุดท้ายก็โดนโยนทิ้ง"

แน่นอนว่า มีรายงานตามหลังมาทันทีว่า อาโมริม ได้แจ้งกับ การ์นาโช่ ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เลยว่าให้หาทีมใหม่รอเอาไว้ได้เลยในซัมเมอร์นี้ ขณะที่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่แคร์ ต้องการย้ายออกจากทีมด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนปลายทางจะเป็นสโมสรใดนั้น เราคงต้องติดตามกันต่อไป

ในวันนี้ เราจะมาส่องประวัติของเจ้าหนูสิงห์นักเตะวัย 20 ปีรายนี้กันหน่อยว่า เติบโตและกลายมาเป็นดาวรุ่งอันเจิดจรัสนี้ได้อย่างไร และถือว่าน่าเสียดายเช่นกันที่เพชรเม็ดงามรายนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตกับทีมปีศาจแดงในไม่ช้า

การ์นาโช่ มีชื่อเต็มๆ ว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ เฟร์เรย์ร่า เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2004 ปัจจุบันมีอายุ 20 ปี และกำลังจะครบ 21 ในอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้านี้

หลายคนอาจจะมีภาพจำว่า การ์นาโช่ คือนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นลูกครึ่งสเปน และเกิดที่มาดริด เนื่องจากมีคุณพ่อ อเล็กซ์ การ์นาโช่ เป็นคนสเปนแท้ๆ ส่วนคุณแม่ ปาตริเซีย เฟร์เรย์ร่า เฟร์นานเดซ เป็นชาวอาร์เจนไตน์ นอกจากนี้ ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อว่า โรเบร์โต้

นั่นหมายความ การ์นาโช่ เป็นคนสเปนโดยกำเนิด และอันที่จริงก็น่าจะเลือกเล่นให้กับทีมชาติสเปนมากกว่า โดยเริ่มแรกเขาก็เล่นให้กับ สเปน ชุดอายุไม่เกิน 18 ปี แต่ในภายหลังก็ตัดสินใจเล่นให้ อาร์เจนติน่า ในที่สุดในปี 2023 โดยปัจจุบันเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่ไปแล้ว 8 นัดด้วยกัน

ย้อนกลับไปช่วงเริ่มเล่นฟุตบอล การ์นาโช่ เริ่มเข้าสู่ระบบเยาวชนของ เคตาเฟ่ ตั้งแต่เด็ก ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อะคาเดมี่ของ แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่อายุได้ 11 ขวบ จนกระทั่งอายุได้ 16 ปี ก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดึงมาปั้นต่อ โดยทีมปีศาจแดงยอมจ่ายค่าชดเชยให้กับทีมตราหมีไป 420,000 ปอนด์ หรือราว 18.5 ล้านบาท และได้มอบสัญญาอาชีพฉบับแรกให้กับ การ์นาโช่ ในเดือนกรกฎาคม 2021 ซึ่งเจ้าตัวมีอายุครบ 17 ปีพอดี

การ์นาโช่ สร้างความโดดเด่นตั้งแต่การเล่นให้กับทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที โดยโชว์ทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม มีความเร็วสูง และจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นทำให้เขาถูกเรียกตัวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และมีชื่อเป็นตัวสำรองหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยถูกเปลี่ยนตัวลงเล่น จนกระทั่งช่วงปลายฤดูกาล 2021-22 การ์นาโช่ ก็ได้ลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในวันที่ 28 เมษายน 2022 ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เสมอกับ เชลซี 1-1 โดย การ์นาโช่ ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน แอนโธนี่ อีแลงก้า ในนาทีที่ 91

รวมแล้วในฤดูกาลดังกล่าว การ์นาโช่ ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปเพียง 2 นัด แต่ในระดับเยาวชนนั้น การ์นาโช่ สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อทำ 2 ประตูในเกม เอฟเอ ยูธ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ในการเจอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเดือนพฤษภาคม ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และนั่นทำให้เจ้าตัวคว้ารางวัล "จิมมี่ เมอร์ฟี่ย์" หรือดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรมาครอง และถูกยกย่องว่านี่คือหนึ่งในดาวรุ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่น่าจับตามองมากที่สุดในรอบหลายปี

ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทำให้ การ์นาโช่ ถูก เอริค เทน ฮาก ดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวในฤดูกาล 2022-23 แม้ว่าในช่วงแรกจะยังเล่นให้ทีมชุดยู 21 อยู่บ้าง แต่ในช่วงปลายเดือนตุลาคม การ์นาโช่ ก็ได้เป็นตัวจริงครั้งแรกให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ ในเกม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ที่เอาชนะ เชอริฟฟ์ ติราสโปล สโมสรจาก มอลโดว่า ไป 3-0

จากนั้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2022 การ์นาโช่ ก็ทำประตูแรกได้ในนามทีมชุดใหญ่ ในเกม ยูโรป้า ลีก ที่เจอกับ เรอัล โซเซียดาด จากการแอสซิสต์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เป็นเหมือนไอดอลของเขาด้วย

นับตั้งแต่นั้นมาก็เหมือนปลดล็อก เพราะอีกเพียง 10 วันให้หลัง การ์นาโช่ ก็ยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีก และยังเป็นประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเกมที่พบกับ ฟูแล่ม จากนั้นในวันที่ 14 มกราคม 2023 ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ การ์นาโช่ ก็แอสซิสต์ให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำประตูชัยในนาทีที่ 82 เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปอย่างสุดมันส์ 2-1

นั่นทำให้ในเดือนเมษายน การ์นาโช่ ได้รับสัญญาใหม่จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปอีก 5 ปี หรือจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2028 รวมแล้วในฤดูกาล 2022-23 ดาวรุ่งอาร์เจนไตน์ลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงไปถึง 34 เกมรวมทุกรายการ ทำไป 5 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ มาครองได้อีกด้วย

นั่นทำให้ในฤดูกาลถัดมา การ์นาโช่ จัดว่าเป็นตัวหลักของทีมแบบเต็มตัว โดยเจ้าตัวเปลี่ยนจากเบอร์ 49 มาสวมเสื้อหมายเลข 17 และระเบิดฟอร์มได้ดีมากกว่าเดิมอีก แม้ว่าในฤดูกาลนี้ ผลงานในพรีเมียร์ลีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะแย่ลง เมื่อจบได้เพียงอันดับที่ 8 ของตารางเท่านั้น ขณะที่ในรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็จบอันดับบ๊วยในรอบแบ่งกลุ่ม ต้องตกรอบไปโดยที่ไม่ได้กระทั่งสิทธิ์ไปเล่นใน ยูโรป้า ลีก ต่อ

แต่ผลงานส่วนตัวของ การ์นาโช่ ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม เมื่อได้ลงเล่นไปถึง 50 เกมรวมทุกรายการ ทำไปถึง 10 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ และมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครอง หลังลงเล่นเป็นตัวจริงในรายการนี้ครบทุกนัด และยิงประตูได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปอย่างไม่น่าเชื่อ 2-1

อนาคตที่สดใสรออยู่ แต่ในฤดูกาลถัดมา จากผลงานอันย่ำแย่ของทีมทำให้ เอริค เทน ฮาก ถูกปลดจากตำแหน่งกลางทาง และ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เลือก รูเบน อาโมริม เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งผ่านไปได้ไม่นาน การ์นาโช่ รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ถูกดร็อปออกจากทีมชุดใหญ่ เนื่องด้วยปัญหาเรื่องทัศนคติ

ในเวลาต่อมา แรชฟอร์ด ถูกปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวไปใช้งานจนจบฤดูกาล ส่วน การ์นาโช่ กลับมาตั้งใจฝึกซ้อม และกลับเข้ามาอยู่ในทีมได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายก็มาให้สัมภาษณ์หลังจบเกม ยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศ จนกลายเป็นสาเหตุสำคัญให้ อาโมริม บอกกับนักเตะว่าให้หาทีมใหม่ได้เลยในซัมเมอร์นี้ ถึงแม้ว่าผลงานส่วนตัวของ การ์นาโช่ จะดีกว่าเมื่อฤดูกาลก่อนด้วยซ้ำ เมื่อทำไป 11 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 58 เกมในทุกรายการก็ตาม

ตามรายงานข่าวล่าสุดระบุว่า แม้ว่าจะได้รับความสนใจจากทั้ง นาโปลี และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งในรายของทีมห้างขายยานั้นมี เทน ฮาก เจ้านายเก่าเพิ่งเข้าไปรับตำแหน่งกุนซือด้วย แต่ การ์นาโช่ มีความต้องการที่จะเล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไป ซึ่งต้องติดตามดูว่าจะเป็นทีมใดที่เข้ามาซื้อ และ แมนฯ ยูไนเต็ด จะยอมปล่อยตัวให้หรือไม่ เพราะถึงจะมีปัญหาเรื่องวินัย แต่ก็ต้องยอมรับว่า การ์นาโช่ เป็นนักเตะอายุน้อย และยังสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีกในอนาคต

หากว่าต้องย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แถมระยะหลังๆ นักเตะที่ย้ายออกจากทีมปีศาจแดงมักจะมีฟอร์มการเล่นที่ดีกว่าเดิมมากๆ ด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ไปได้ดิบได้ดีกับ นาโปลี ทั้งการได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา และคว้ารางวัลเอ็มวีพีแห่งฤดูกาล

ต้องติดตามกันต่อไปว่าปลายทางของ การ์นาโช่ คือสโมสรใด และจะยังอยู่ในอังกฤษต่อไปหรือไม่ แต่สำหรับการเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อหน้าแฟนๆ ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คงจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่นานต่อจากนี้...

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : AFP