
สรุปข่าว
วันนี้ ( 10 มี.ค. 65 )นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ซึ่งประชาชนอาจเจ็บป่วยจากอากาศร้อนได้ กรมควบคุมโรค จึงออกประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ลงวันที่ 1 มีนาคม 2565 เพื่อให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองได้อย่างถูกต้อง โดยโรคและภัยสุขภาพที่มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในฤดูร้อน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1. โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ และกลุ่มที่ 2. ภัยสุขภาพ
กลุ่มที่ 1 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ แบ่งเป็น 5 โรค ได้แก่
1.โรคอุจจาระร่วง เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค พบได้ในทุกกลุ่มวัย ผู้ป่วยจะถ่ายเหลว อาเจียน ส่วนใหญ่มักหายได้เอง
2.ไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับอุจจาระหรือปัสสาวะของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอยมากกว่า 1 สัปดาห์ ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องอืดหรือท้องผูก หรือมีผื่นขึ้นตามลำตัว
3.โรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษหรือสารเคมี มักพบในพืชและสัตว์ เช่น เห็ด และอาหารทะเลต่างๆ อาการป่วยจะขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสารพิษที่ได้รับ ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจอาเจียนและท้องเสียจนร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงได้
4.โรคอหิวาตกโรค ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้ออหิวาตกโรคปะปนอยู่ ส่วนใหญ่มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ คลื่นไส้อาเจียน
5.โรคไวรัสตับอักเสบเอ เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด เอ ติดต่อโดยการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ การใช้เข็มฉีดยาและการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลันของตับ อาการของโรคนี้มีตั้งแต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการอักเสบเล็กน้อยถึงขั้นตับอักเสบรุนแรง โดยทั่วไปจะมีไข้อ่อนๆ เหนื่อยล้า ปวดหัว ท้องผูก ปวดบริเวณท้องขวาบน ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อ ปัสสาวะสีเข้ม ตาและตัวเหลือง และสามารถหายขาดได้
สำหรับแนวทางการป้องกันโรคทางเดินอาหารและน้ำ ได้แก่ การยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือ” กินร้อน คือ กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ช้อนกลางส่วนตัว คือ ช้อนที่มีไว้ตักกับข้าวใส่จานตัวเองและใช้คนเดียว ล้างมือ คือ การล้างมือ ให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอลล์ทุกครั้งก่อนและหลังการประกอบอาหาร รับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ นอกจากนี้ ต้องดื่มน้ำที่สะอาด น้ำต้มสุก หรือน้ำที่บรรจุในขวดที่มีฝาปิดสนิท
กลุ่มที่ 2 ภัยสุขภาพ ได้แก่
1. การเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อน สภาพอากาศที่ร้อนจัดจนร่างกายปรับตัวไม่ทัน การป้องกันคือ งดออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว สวมเสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี
2.ผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควัน ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะป่วยโรคทางเดินหายใจ การป้องกันคือ ปิดประตูหน้าต่างบ้านให้มิดชิด ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ สวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ เช่น N95 และไม่เผาขยะ ไม่เผาป่า ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
3.การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจมน้ำ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการชวนกันไปเล่นน้ำตามลำพังที่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ การป้องกันคือ ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และควรจัดการแหล่งน้ำเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เช่น สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือน จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยงสำหรับการช่วยเหลือ และเมื่อพบเห็นคนตกน้ำ ให้รีบโทรแจ้ง 1669 และหาอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้หรือเสื้อชูชีพ โยนให้คนที่ตกน้ำจับพยุงตัว เป็นต้น สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค
ภาพจาก : รอยเตอร์
- UAE เผชิญคลื่นความร้อน อุณหภูมิพุ่ง 50.4 องศาฯ ทุบสถิติสูงสุดเดือน พ.ค.
- “ญี่ปุ่น” ยกเว้นค่าน้ำพื้นฐาน ช่วยชาวโตเกียวรับมือคลื่นความร้อน
- “เท็กซัส” ร้อนจัด ทั้งที่ยังไม่เข้าฤดูร้อน ชาวเมืองบ่นอุบเหมือนอยู่ในเตาอบ
- นักวิทยาศาสตร์ชี้ เม.ย.2025 ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 สะท้อนปัญหาโลกร้อนที่ไม่ถูกแก้ไข
- อากาศร้อนจัด! เปิด 10 อันดับ สภาพอากาศ "อุณหภูมิสูงสุด" แตะ 38.7 องศาฯ
- คลื่นร้อนถล่มอินเดีย–ปากีสถาน พุ่งแตะ 50°C นักวิทย์เตือน “นี่คือความปกติใหม่”
- ดัชนีรังสี UV คืออะไร? รู้ไว้ป้องกันผิวไหม้จากแดดฤดูร้อน
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand