
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ขับขี่ยานพาหนะรถยนต์มักมีการละเลยในเรื่องของการคาดเข็มขัดนิรภัย ด้วยเหตุผลที่ว่า เร่งรีบในการเดินทาง ไม่ชินกับการคาดเข็มขัด
อีกทั้ง ยังพบการใช้อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเหมือนหัวเสียบนิรภัยของจริงแต่ไม่มีสาย “หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก” ในการคาดเพื่อตัดเสียงเตือน ไฟกะพริบเตือน หรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ หลอกระบบความปลอดภัยของตัวรถว่ามีการคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว
นายคารม กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมการละเลยการใช้อุปกรณ์เสริมดังกล่าว ถือเป็นความประมาทในการขับขี่และเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างยิ่ง โดยเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไร้การป้องกันทำให้มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนที่คาดเข็มขัดอยู่ในรถถึง 6 เท่า อีกทั้ง การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยและการใช้หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก ถือเป็นความผิดมีโทษทางกฎหมายต่อมาตรา 123 ภายใต้บังคับมาตรา 123/1
ในขณะขับรถยนต์ ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งแถวตอนหน้า และที่นั่งแถวตอนอื่น จะต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสารรถยนต์ เว้นแต่ มีเหตุผลด้านสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
สรุปข่าว
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ขับขี่ยานพาหนะรถยนต์มักมีการละเลยในเรื่องของการคาดเข็มขัดนิรภัย ด้วยเหตุผลที่ว่า เร่งรีบในการเดินทาง ไม่ชินกับการคาดเข็มขัด
อีกทั้ง ยังพบการใช้อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเหมือนหัวเสียบนิรภัยของจริงแต่ไม่มีสาย “หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก” ในการคาดเพื่อตัดเสียงเตือน ไฟกะพริบเตือน หรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ หลอกระบบความปลอดภัยของตัวรถว่ามีการคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว
นายคารม กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมการละเลยการใช้อุปกรณ์เสริมดังกล่าว ถือเป็นความประมาทในการขับขี่และเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างยิ่ง โดยเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไร้การป้องกันทำให้มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนที่คาดเข็มขัดอยู่ในรถถึง 6 เท่า อีกทั้ง การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยและการใช้หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก ถือเป็นความผิดมีโทษทางกฎหมายต่อมาตรา 123 ภายใต้บังคับมาตรา 123/1
ในขณะขับรถยนต์ ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งแถวตอนหน้า และที่นั่งแถวตอนอื่น จะต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสารรถยนต์ เว้นแต่ มีเหตุผลด้านสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
“รัฐบาลขอย้ำและเตือนประชาชนหากรู้ว่าจะต้องมีการขับขี่หรือเดินทาง ทุกครั้งก่อนขับขี่ควรมีการเตรียมพร้อมของยานพาหนะให้มีความพร้อมก่อนเดินทางเสมอ และขอให้ประชาชนทุกคนเดินทางด้วยความปลอดภัยเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายจราจรเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง อีกทั้งต้องมีการตรวจและเช็กการคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกเดินทางเสมอ สำหรับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ควรสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อให้การเดินทางถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย” นายคารม กล่าว
- ฮอนด้าเตรียมผลิตรถไฮบริดเพิ่มในสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตเลี่ยงภาษี
- ภาษียานยนต์พุ่ง แต่ราคารถยนต์ยังไม่เพิ่ม เป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่?
- วิกฤต "นิสสัน" เลิกจ้าง 20,00 คนทั่วโลก ขาดทุน 7.5 แสนล้านเยน l World Wide Wealth
- "ภาษีทรัมป์" ดันราคา"รถยนต์"ในสหรัฐฯ เม.ย.ขยับขึ้น
- สหรัฐฯ ทำ “รถไร้คนขับ” ช่วยทหารแนวหน้า จะปล่อยโดรน ติดอาวุธก็ทำได้
- เกิดเหตุคาร์บอมใกล้กรุงมอสโก สังหารเจ้าหน้าที่อาวุโสรัสเซีย
- เตือน! ผู้ขับขี่เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ที่มาข้อมูล : รัฐบาล
ที่มารูปภาพ : Getty Images
TNNThailand