
นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมรัฐภาคีด้านสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 30 (COP30) ณ เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ย้ำเป้าหมายสำคัญของไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 47% ภายในปี 2035 ภายใต้ NDC 3.0 ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซสุทธิของประเทศอยู่ที่ 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สอดคล้องเส้นทางจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และช่วยเร่งให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ปี 2050
ในฐานะประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศอย่างรุนแรง ไทยเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลลัพธ์ เชิงรูปธรรม ของเป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (GGA) พร้อมยืนยันความพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคี เพื่อให้ตัวชี้วัดสอดคล้องทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ รวมถึงการดำเนินงานตามข้อ 6 ของความตกลงปารีส ที่ไทยให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส ความเชื่อถือได้ และการสร้างตลาดคาร์บอนที่ยั่งยืน
ไทยยังเดินหน้าผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเปิดทางให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อน ผ่านการจัดตั้งกองทุนสภาพภูมิอากาศและกลไกราคาคาร์บอน ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการบริหารจัดการด้านภูมิอากาศอย่างครบวงจร
รองเลขาฯ นายกฯ กล่าวปิดท้ายว่า COP30 คือ “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในการยืนยันความร่วมมือของประชาคมโลก หวังให้การประชุมครั้งนี้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ ทศวรรษแห่งการปฏิบัติ กลายเป็น ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนผ่าน อย่างแท้จริง ภายใต้จิตวิญญาณ Global Mutirão ซึ่งไทยพร้อมจับมือทุกภาคีเพื่อเร่งแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโดยด่วน
ในวันเดียวกัน ไทยยังจัดกิจกรรมที่ Thailand Pavilion ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การมีส่วนร่วมของชุมชน นวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอนุรักษ์ป่า การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเปิดทางสู่ตลาดคาร์บอน และความท้าทายของภาคเอกชนในการเปลี่ยน “ความยั่งยืน” ให้เป็น “คุณค่าทางธุรกิจ”
สรุปข่าว
นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมรัฐภาคีด้านสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 30 (COP30) ณ เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ย้ำเป้าหมายสำคัญของไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 47% ภายในปี 2035 ภายใต้ NDC 3.0 ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซสุทธิของประเทศอยู่ที่ 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สอดคล้องเส้นทางจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และช่วยเร่งให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ปี 2050
ในฐานะประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศอย่างรุนแรง ไทยเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลลัพธ์ เชิงรูปธรรม ของเป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (GGA) พร้อมยืนยันความพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคี เพื่อให้ตัวชี้วัดสอดคล้องทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ รวมถึงการดำเนินงานตามข้อ 6 ของความตกลงปารีส ที่ไทยให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส ความเชื่อถือได้ และการสร้างตลาดคาร์บอนที่ยั่งยืน
ไทยยังเดินหน้าผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเปิดทางให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อน ผ่านการจัดตั้งกองทุนสภาพภูมิอากาศและกลไกราคาคาร์บอน ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการบริหารจัดการด้านภูมิอากาศอย่างครบวงจร
รองเลขาฯ นายกฯ กล่าวปิดท้ายว่า COP30 คือ “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในการยืนยันความร่วมมือของประชาคมโลก หวังให้การประชุมครั้งนี้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ ทศวรรษแห่งการปฏิบัติ กลายเป็น ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนผ่าน อย่างแท้จริง ภายใต้จิตวิญญาณ Global Mutirão ซึ่งไทยพร้อมจับมือทุกภาคีเพื่อเร่งแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโดยด่วน
ในวันเดียวกัน ไทยยังจัดกิจกรรมที่ Thailand Pavilion ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การมีส่วนร่วมของชุมชน นวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอนุรักษ์ป่า การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเปิดทางสู่ตลาดคาร์บอน และความท้าทายของภาคเอกชนในการเปลี่ยน “ความยั่งยืน” ให้เป็น “คุณค่าทางธุรกิจ”
- นักวิทย์ฯเตือนต้องดูแล “ดิน” แหล่งกักเก็บคาร์บอนฯมหาศาล แต่กำลังเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
- กว่า 80 ชาติผนึกกำลังใน COP30 เร่งทำ “โรดแมปยุติฟอสซิล” ช่วยดึงโลกออกจากวิกฤตโลกร้อน
- ยุโรปแตกเสียงกลาง COP30 เชื่อยังมีหวังหยุดโลกร้อน แต่คำถามคือ “ใครควรรับผิดชอบ?”
- สรุป “COP30” สัปดาห์แรก เงินทุนโลกร้อนเริ่มเดินหน้าแล้ว!
- บริษัทในตลาดหุ้นไทย ทำโลกร้อนแค่ไหน?
ที่มาข้อมูล : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
ที่มารูปภาพ : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
