เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ 2 นาย เชื่อว่าเครื่องบินขับไล่ J-10C ของปากีสถานยิงเครื่องบิน Rafale ของอินเดียตกจริง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ว่าเครื่องบินรบ J-10C ซึ่งผลิตโดยจีนและประจำการในกองทัพอากาศปากีสถาน ได้ยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศใส่เครื่องบินรบของอินเดียตกอย่างน้อย 2 ลำ หนึ่งในนั้นยืนยันว่าเป็น Rafale F3R รุ่นทันสมัยจากฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดของอินเดีย
รัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถาน คาวาจา มูฮัมหมัด อาซิฟ (Khawaja Muhammad Asif) ระบุว่า อินเดียสูญเสียเครื่องบินรบไปถึง 5 ลำ รวมถึง Rafale 3 ลำ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ อิชาค ดาร์ ชี้ว่าเป็น “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” โดยมีรายงานว่านักการทูตจีนในอิสลามาบัดแสดงความยินดีอย่างชัดเจน
สรุปข่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ว่าเครื่องบินรบ J-10C ซึ่งผลิตโดยจีนและประจำการในกองทัพอากาศปากีสถาน ได้ยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศใส่เครื่องบินรบของอินเดียตกอย่างน้อย 2 ลำ หนึ่งในนั้นยืนยันว่าเป็น Rafale F3R รุ่นทันสมัยจากฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัยที่สุดของอินเดีย
รัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถาน คาวาจา มูฮัมหมัด อาซิฟ (Khawaja Muhammad Asif) ระบุว่า อินเดียสูญเสียเครื่องบินรบไปถึง 5 ลำ รวมถึง Rafale 3 ลำ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ อิชาค ดาร์ ชี้ว่าเป็น “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” โดยมีรายงานว่านักการทูตจีนในอิสลามาบัดแสดงความยินดีอย่างชัดเจน
แม้รัฐบาลอินเดียจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการสูญเสียเครื่องบิน แต่มีรายงานจากสื่อและนักวิเคราะห์ข่าวกรองโอเพ่นซอร์สว่าพบซากเครื่องบิน Rafale ในเขตบาธินดา ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาในดินแดนของอินเดีย ขณะเดียวกัน อินเดียก็อ้างว่าสามารถโจมตีเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายในปากีสถานได้สำเร็จ
เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีการปะทะจริงระหว่างเทคโนโลยีทางทหารของจีนกับเครื่องบินจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะการใช้ขีปนาวุธ PL-15 ซึ่งมีพิสัยไกลกว่า 145 กิโลเมตร พร้อมระบบนำทางเรดาร์คู่ที่ทำให้หลบหลีกการโจมตีสวนกลับได้ดี นี่ถือเป็นการใช้งานจริงในสนามรบครั้งแรกของขีปนาวุธรุ่นนี้
ฟาเบียน ฮอฟฟ์มันน์ นักวิจัยด้านขีปนาวุธจากศูนย์วิเคราะห์นโยบายยุโรป ระบุว่า “นี่คือการสาธิตศักยภาพเทคโนโลยีทางอากาศของจีนต่อสายตาชาวโลก”
นอกจากนี้ เหตุการณ์ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสมดุลอำนาจในภูมิภาคอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า 82% ของอาวุธที่ปากีสถานนำเข้ามาจากจีน ขณะที่อินเดียหันไปพึ่งฝรั่งเศส อิสราเอล และสหรัฐฯ มากขึ้น หลังลดการพึ่งพารัสเซีย อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าในการส่งมอบอาวุธจากชาติตะวันตกกลับทำให้กองทัพอินเดียต้องใช้งานเครื่องบินรุ่นเก่าอย่าง MiG ต่อไป
นักวิเคราะห์เตือนว่าการปะทะในครั้งนี้อาจเป็นภาพสะท้อนของความขัดแย้งขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งเทคโนโลยีอาวุธจากจีนอาจมีบทบาทมากกว่าที่เคยคาดการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่เปราะบางเช่น ช่องแคบไต้หวัน
- จีนเลิก "แบน" อาหารทะเลญี่ปุ่น จ่อนำเข้าอีกครั้ง
- "คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ
- OpenThaiGPT ก้าวกระโดดแห่ง AI ภาษาไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย เพื่อคนไทย
- Hermeus ทดสอบเครื่องบินไฮเปอร์โซนิก Quarterhorse Mk 1 สำเร็จ เดินหน้าพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่สิ้นปีนี้
- ปากีสถานร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงขาดน้ำรุนแรง
- เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
ที่มารูปภาพ : Wikipedia
