บริษัทในสกอตแลนด์ เผยผลงานการพัฒนาอิฐก่อสร้างที่ทำจากเศษวัสดุรีไซเคิล เป็นอีกทางเลือกช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง นั่นคือ การจัดการขยะจำนวนมหาศาล
สรุปข่าว
บริษัทในสกอตแลนด์ เผยผลงานการพัฒนาอิฐก่อสร้างที่ทำจากเศษวัสดุรีไซเคิล เป็นอีกทางเลือกช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง นั่นคือ การจัดการขยะจำนวนมหาศาล
ผลงานนี้มีชื่อว่า เค-บริก (K-BRIQ) ที่ผลิตโดยบริษัท เคโนเทค (Kenoteq) ในเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ โดยเป็นอิฐดินเผาที่อ้างว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดีกว่าอิฐดินเผาแบบเดิมถึงร้อยละ 95
บริษัทเผยว่าปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมการก่อสร้าง มีผลกระทบอย่างมากต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก แต่อิฐ เค-บริก (K-BRIQ) สามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่มาจากวัสดุก่อสร้าง (Embodied carbon) ได้จริง
ปกติแล้วปริมาณคาร์บอนที่มาจากวัสดุก่อสร้าง (Embodied carbon) หรือคาร์บอนที่สะสมอยู่ในตัวอาคาร คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณคาร์บอนทั้งหมดที่อาคารหลังหนึ่งสร้างขึ้น แต่กลับได้รับความสนใจน้อยกว่า จึงเป็นสิ่งที่ทำให้บริษัทสนใจพัฒนาอิฐที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน
โดยวัสดุที่นำมาใช้ผลิตเป็นก้อนอิฐนี้ ทำมาจากขยะที่ได้มาจากการก่อสร้าง การรื้อถอน และการขุดเจาะ ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 60-65 ของขยะทั้งหมดในสหราชอาณาจักร หรือมีมากถึง 50-60 ล้านตัน ซึ่งบริษัทเผยว่าหลังจากได้รับขยะจากการก่อสร้างที่แปรรูปแล้ว โรงงานของบริษัทจะสามารถสร้างอิฐรีไซเคิลที่พร้อมใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ส่วนตัวอย่างการใช้งาน เช่น ในบ้านแบบสองห้องนอน ตามขนาดมาตรฐานในสหราชอาณาจักร ที่ปกติแล้วต้องใช้อิฐมากถึง 12,000 ก้อน การเปลี่ยนมาใช้อิฐเค-บริก (K-BRIQ) จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) จาก 5.46 ตัน ให้เหลือเพียง 0.2 ตัน หรือเทียบได้กับการนำรถยนต์ที่ใช้น้ำมันออกจากถนนเป็นเวลาหนึ่งปี
ด้วยโซลูชันนี้ บริษัทเชื่อว่าการพัฒนาก้อนอิฐรีไซเคิล จะช่วยแก้ปัญหาการผลิตอิฐก่อสร้างแบบเดิม ๆ ที่ขุดวัสดุมาจากทรัพยากรที่จำกัดของโลก อีกทั้งยังปล่อยคาร์บอนสูง แต่ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล และกระบวนการผลิตที่ใช้คาร์บอนและพลังงานต่ำ ไม่ต้องผ่านการเผา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร แต่มีประสิทธิภาพทางเทคนิคเหมือนกับอิฐก่อสร้างแบบดั้งเดิม
ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งการผลิตในโรงงาน เพื่อขยายการผลิตอิฐให้ได้มากถึง 2 ล้านก้อนต่อปี และคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่า ให้สามารถผลิตอิฐรีไซเคิลมากถึง 4 ล้านก้อนได้ เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น โดยได้รับการรับรองสำหรับการใช้งานในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการอนุมัติจากสหภาพยุโรป
