ทรัมป์กระตุ้นธุรกิจเที่ยวบินความเร็วเหนือเสียง นิวยอร์กถึงลอสแอนเจลิสใน 3 ชั่วโมง

ทรัมป์กระตุ้นธุรกิจเที่ยวบินความเร็วเหนือเสียง นิวยอร์กถึงลอสแอนเจลิสใน 3 ชั่วโมง

การเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ความเร็วเหนือเสียงใกล้เป็นจริงยิ่งขึ้น หลังจากมีการออกคำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจปูทางให้เที่ยวบินพาณิชย์ที่เร็วกว่าเสียงกลับมาให้บริการในสหรัฐอเมริกาได้ภายในปี พ.ศ. 2570 และลดเวลาเดินทางจากนิวยอร์กไปลอสแอนเจลิสจาก 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง

สรุปข่าว

สหรัฐอเมริกาเตรียมรื้อฟื้นการเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงอีกครั้ง หลังคำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ยกเลิกข้อห้ามที่ใช้มานาน 52 ปี โดยอาศัยเทคโนโลยีล่าสุดที่แก้ปัญหาเสียงดัง "โซนิกบูม" ได้แล้ว ความก้าวหน้านี้จะปูทางไปสู่การออกกฎระเบียบที่ชัดเจนภายในปี พ.ศ. 2570 และมีศักยภาพที่จะลดเวลาเดินทางข้ามประเทศลงเกือบครึ่งหนึ่งในอนาคต

การเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ความเร็วเหนือเสียงใกล้เป็นจริงยิ่งขึ้น หลังจากมีการออกคำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจปูทางให้เที่ยวบินพาณิชย์ที่เร็วกว่าเสียงกลับมาให้บริการในสหรัฐอเมริกาได้ภายในปี พ.ศ. 2570 และลดเวลาเดินทางจากนิวยอร์กไปลอสแอนเจลิสจาก 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง

ทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อห้าม 52 ปี

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีการออกคำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ เพื่อยกเลิกข้อบังคับของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ซึ่งห้ามเครื่องบินพาณิชย์บินด้วยความเร็วเหนือเสียงเหนือพื้นดินของสหรัฐฯ 

คำสั่งห้ามในอดีตเป็นผลมาจากแรงกดดันของสาธารณชนเกี่ยวกับมลภาวะทางเสียง หรือ "โซนิกบูม" ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญและสร้างความเสียหาย เช่น ทำให้กระจกหน้าต่างแตกได้

เทคโนโลยีใหม่แก้ปัญหาเสียงดัง

ในอดีตเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงรุ่นบุกเบิกของสหรัฐฯ ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหภาพโซเวียต ต่างประสบปัญหาเสียงที่ดังเกินไป แต่ปัจจุบันบริษัทเอกชนอย่าง Boom Supersonic ได้พัฒนาเทคโนโลยีระบบบินไร้เสียงโซนิกบูม (Boomless Cruise) ซึ่งอาศัยหลักการที่เรียกว่า Mach Cutoff 

หลักการ Mach Cutoff ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่คลื่นกระแทก หรือโซนิกบูม (Sonic Boom) ซึ่งเกิดจากเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วเหนือเสียง (Supersonic) เกิดการหักเหโค้งกลับขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ ก่อนที่จะเดินทางมาถึงพื้นดิน ทำให้ไม่มีเสียงระเบิดดังที่ภาคพื้นดิน

เทคโนโลยีระบบบินไร้เสียงโซนิกบูม (Boomless Cruise) เครื่องบินจะไต่ระดับไปที่ความสูงกว่า 30,000 ฟุต ก่อนจะทำความเร็วทะลุระดับมัค 1 ประมาณ 1,235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้คลื่นเสียงหรือโซนิกบูมที่เกิดขึ้นหักเหขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศและสลายไปก่อนจะตกกระทบถึงพื้นดิน ซึ่ง Boom ได้ทดสอบเทคโนโลยีนี้สำเร็จไปเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2568

บริษัทเอกชนลงสนามแข่ง

นอกเหนือจาก Boom Supersonic แล้ว ยังมีผู้เล่นรายสำคัญในแวดวงนี้คือบริษัท Lockheed Martin ซึ่งร่วมมือกับองค์การนาซา (NASA) ในโครงการเครื่องบินสาธิต X-59 โดยเครื่องบินรุ่นนี้มีแนวทางการออกแบบที่แตกต่างออกไป คือ การติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ด้านบนของลำตัวเครื่องบิน เพื่อช่วยจำกัดคลื่นกระแทกและลดเสียงที่เดินทางมาถึงพื้นดินให้อยู่ในระดับที่เบามาก

เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ความเร็วเหนือเสียง

คำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ได้วางกรอบเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็วสำหรับการออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้มีการยกเลิกข้อห้ามการบินความเร็วเหนือเสียงภายในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568 

รวมไปถึงกำหนดมาตรฐานการรับรองด้านเสียงภายในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2569 และบังคับใช้กฎระเบียบขั้นสุดท้ายภายในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2570 ซึ่งเมื่อเทียบกับกระบวนการออกกฎหมายควบคุมโดรนเพื่อการพาณิชย์ที่ใช้เวลานานถึง 4 ปี ถือเป็นกรอบเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่ง

การออกคำสั่งผู้บริหารเพื่อยกเลิกข้อห้ามการบินความเร็วเหนือเสียงที่บังคับใช้มานานกว่า 5 ทศวรรษ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ปูทางให้การเดินทางทางอากาศเชิงพาณิชย์เข้าสู่ยุคใหม่ 

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทเอกชนอย่าง Boom Supersonic และความร่วมมือของ Lockheed Martin กับ NASA ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมลดเสียงโซนิกบูมซึ่งเคยเป็นปัญหาในอดีตได้สำเร็จ ด้วยกรอบเวลาการออกกฎระเบียบที่ชัดเจนภายในปี พ.ศ. 2570 

อนาคตที่การเดินทางข้ามประเทศจะใช้เวลาลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจึงใกล้เป็นความจริง และพร้อมที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมการบินไปอีกขั้น