ไขปริศนาเอกภพยุคแรกทีมนักวิจัยอาจพบ "ดาวหลุมดำ" ซ่อนหลุมดำมวลยักษ์ในใจกลาง

ไขปริศนาเอกภพยุคแรกทีมนักวิจัยอาจพบ "ดาวหลุมดำ" ซ่อนหลุมดำมวลยักษ์ในใจกลาง

นักวิจัยอาจกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของการค้นพบวัตถุท้องฟ้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลังตรวจพบแสงเล็ก ๆ ลึกลับในจักรวาลยุคแรก ซึ่งอาจเป็น “ดาวหลุมดำ” วัตถุขนาดมหึมาที่มีหลุมดำอยู่ใจกลางและถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซหนาแน่นคล้ายชั้นบรรยากาศ

นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาจุดแสงเล็ก ๆ ที่เรียกว่า The Cliff ซึ่งเป็นแสงที่เดินทางมายาวนานเกือบ 12,000 ล้านปี ปรากฏว่ามันมีลักษณะแปลก ๆ ของแสงที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการมีดาวปกติทั่วไปเหมือนในกาแล็กซีธรรมดา

ทีมงานวิจัยที่นำโดย ดร.แอนนา เดอ กราฟฟ์ จากสถาบันดาราศาสตร์ Max Planck เยอรมนี ระบุว่าลักษณะดังกล่าวไม่สอดคล้องกับการรวมตัวของดาวฤกษ์รุ่นเก่า แต่สอดคล้องกับแบบจำลองแหล่งกำเนิดแสงที่ถูกก๊าซหนาแน่นกลืนเอาไว้

สรุปข่าว

นักดาราศาสตร์อาจค้นพบ “ดาวหลุมดำ” วัตถุประเภทใหม่ที่มีหลุมดำมวลยวดยิ่งซ่อนอยู่ภายในและถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซหนาแน่น หลังพบแสงปริศนา The Cliff ในเอกภพยุคแรกกว่า 11,900 ล้านปีก่อน

นักวิจัยอาจกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของการค้นพบวัตถุท้องฟ้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลังตรวจพบแสงเล็ก ๆ ลึกลับในจักรวาลยุคแรก ซึ่งอาจเป็น “ดาวหลุมดำ” วัตถุขนาดมหึมาที่มีหลุมดำอยู่ใจกลางและถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซหนาแน่นคล้ายชั้นบรรยากาศ

นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาจุดแสงเล็ก ๆ ที่เรียกว่า The Cliff ซึ่งเป็นแสงที่เดินทางมายาวนานเกือบ 12,000 ล้านปี ปรากฏว่ามันมีลักษณะแปลก ๆ ของแสงที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการมีดาวปกติทั่วไปเหมือนในกาแล็กซีธรรมดา

ทีมงานวิจัยที่นำโดย ดร.แอนนา เดอ กราฟฟ์ จากสถาบันดาราศาสตร์ Max Planck เยอรมนี ระบุว่าลักษณะดังกล่าวไม่สอดคล้องกับการรวมตัวของดาวฤกษ์รุ่นเก่า แต่สอดคล้องกับแบบจำลองแหล่งกำเนิดแสงที่ถูกก๊าซหนาแน่นกลืนเอาไว้

Balmer break และข้อถกเถียง

Balmer break คือ การเปลี่ยนแปลงความเข้มของสเปกตรัมในย่านอัลตราไวโอเลต เกิดจากการดูดซับแสงโดยอะตอมไฮโดรเจน โดยทั่วไปมักพบในกาแล็กซีที่มีดาวประเภท A เป็นจำนวนมาก แต่การที่ LRD แสดงการเปลี่ยนแปลงความเข้มของสเปกตรัม Balmer break อย่างชัดเจนเพียง 600 ล้านปีหลังบิ๊กแบง หรืออาจกล่าวได้ว่า The Cliff ปล่อยแสงออกมา 600 ล้านปีหลังเกิดบิ๊กแบง (Big Bang) ซึ่งถือว่าเร็วเกินไปที่จะมีกาแล็กซีวิวัฒน์ถึงขั้นนั้น จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มหาคำอธิบายใหม่

* LRD คือ ชื่อที่ใช้เรียกวัตถุแสงเล็ก ๆ สีแดงจาง ๆ ที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบในจักรวาลยุคแรก ๆ หลังบิ๊กแบงเพียงไม่กี่ร้อยล้านปี วัตถุเหล่านี้ส่องแสงแปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยการมีดาวฤกษ์ปกติทั่วไป จึงถูกตั้งเป็นปริศนาวิจัยว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร

* ดาวประเภท A ดาวฤกษ์ที่มีอุณหภูมิพื้นผิวประมาณ 7,500-10,000 เคลวิน สีออก ขาว-ฟ้าอ่อน สว่างกว่าดาวเหมือนดวงอาทิตย์ (ประเภท G) แต่ไม่ร้อนจัดเท่าดาวประเภท O หรือ B ตัวอย่างดาวประเภท A ที่มองเห็นได้ชัดจากโลก เช่น ดาวซีเรียส (Sirius) และ ดาวเวก้า (Vega) 

* บิ๊กแบง (Big Bang) คือ ทฤษฎีที่อธิบายการกำเนิดจักรวาล ว่าเริ่มต้นจากการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 13.8 พันล้านปีก่อน ทำให้ก่อเกิดกาลเวลา อวกาศ สสาร และพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ในจักรวาลจนถึงปัจจุบัน

Balmer ที่สังเกตได้ใน The Cliff ที่ความยาวคลื่นอัลตราไวโอเลตประมาณ 0.36 ไมโครเมตร (De Graaff et al., A&A , 2025)

ดาวหลุมดำคำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุด

นักวิจัยจึงเสนอว่า The Cliff อาจเป็น “ดาวหลุมดำ” หลุมดำมวลยวดยิ่งที่กำลังดูดกลืนมวลสารรอบ ๆ อย่างรุนแรง และถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซไฮโดรเจนหนาแทนที่จะเป็นฝุ่น เมื่อจำลองด้วยแบบจำลองนี้ พบว่าสเปกตรัมที่ได้ตรงกับสิ่งที่สังเกตเห็นอย่างน่าทึ่ง

หากดาวหลุมดำมีอยู่จริง นั่นหมายความว่าบางส่วนของจุดแดงเล็ก (LRD) ในเอกภพยุคแรกไม่ใช่กาแล็กซีเก่าแก่ แต่คือวัตถุแปลกใหม่ที่ซ่อนหลุมดำไว้ภายใน การค้นพบนี้อาจช่วยไขปริศนาว่าทำไมบางกาแล็กซีในจักรวาลยุคแรกดู “แก่เกินไป” เมื่อเทียบกับอายุจักรวาล

งานวิจัยและอนาคต

แม้ทฤษฎีนี้ยังเป็นเพียงสมมติฐาน แต่ The Cliff กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่สำหรับการทดสอบแบบจำลองนิวเคลียสกาแล็กซีและดาวหลุมดำ ด้วยข้อมูลสเปกตรัมคุณภาพสูงจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Astronomy & Astrophysics และเปิดทางให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการก่อตัวและวิวัฒนาการของวัตถุลึกลับเหล่านี้ต่อไป