ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์จีนล็อกดาวน์สกัดโควิด

ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์จีนล็อกดาวน์สกัดโควิด

สรุปข่าว

บล. เคทีบีเอสทีระบุว่า  จากกรณีที่จีนกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่มี COVID-19 ระบาดในประเทศจีน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันล่าสุดวันที่ 15 มี.ค. 22 จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ปรับตัวลงมาอยู่ที่  1,952 ราย จาก 14 มี.ค. ที่ทำสถิติสูงสุดรอบใหม่ของการระบาดโควิดในประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมาที่ 3,602 ราย และมี active case ที่ 16,524 ราย คิดเป็น 13% ของยอดผู้ติดเชื้อสะสมในจีน ส่งผลให้หลายเมืองในประเทศจีนเริ่มหันกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง


สำหรับการล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นส่งผลกระทบเชิงลบระยะสั้นต่อสินค้า IT , Electronics และ Automotive จากปัญหา supply chain disruption Shenzhen (มณฑลกวางตุ้ง) เป็นเมืองแรกที่เริ่มมาตรการ Lockdown ในวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างน้อยจนถึงวันที่ 20 มี.ค.นี้  จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น


 โดย เมืองเซินเจิน  มีมาตรการให้หยุดสายการผลิตทั้งหมด และให้พนักงาน Work from home และหยุดการบริการขนส่งสาธารณะทั้งหมด ปัจจุบันเมือง เมืองเซินเจิน มีประชากรราว 17.5 ล้านคน เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้แก่ Huawei, Tencent, ZTE, DJI ,Foxconn ฯลฯ โดย GDP ของ เมืองเซินเจิน   คิดเป็น 2.6% ของประเทศจีน ต่อมามณฑล Jilin, เมือง Dongguan (มณฑลกวางตุ้ง) และ Langfang (อยู่ใกล้ปักกิ่ง) ได้ประกาศใช้มาตรการ lockdown ส่งผลให้ Toyota และ Volkswagen ประกาศปิดโรงงาน เนื่องจากมีโรงงานตั้งอยู่ในเมือง Changchun ในมณฑล Jilin

 

สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ (เรียงจากมากไปน้อย)  

1. Shipping & Logistics: PSL, TTA, WICE, LEO จากความกังวลที่จะกระทบ Demand สินค้าจากจีนลดลง และการขนส่งที่ล่าช้า จากกระบวนการนำเข้า-ส่งออกผ่านกรมศุลกากรที่เข้มงวดมากขึ้น

2. Energy: PTTEP จากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวลง, TOP, SPRC, PTTGC จากกำไรสต๊อกน้ำมันลดลง และ BANPU จากราคาถ่านหินลดลง

3. Electronics: HANA, KCE จากความกังวล supply chain disruption มีสัดส่วนรายได้จากจีน


4. IT: COM7, SIS, SYNEX ระยะสั้นได้รับผลกระทบจำกัด จากสต็อคสินค้าที่สูง เพื่อรองรับสถานการณ์สินค้า IT ที่ตรึงตัวในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ระยะยาวต้องรอดูสถานการณ์การผลิต และส่งออกสินค้าจากจีน

5. Automotive: SAT จาก supply chain disruption ในการผลิตรถยนต์

6. Tourism: ERW, MINT, CENTEL, SHR, AOT จากความกังวลนักท่องเที่ยวที่กลับมาช้ากว่าคาด

7. กลุ่มหุ้นที่พึ่งพารายได้จากจีนอย่างมีนัยยะ: NER, STA, EKH, SPA


อย่างไรก็ตามเราแนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่ไม่มีความเสี่ยงจากผลกระทบจากการ lockdown ในประเทศ จีน และมี catalyst เฉพาะตัวได้แก่ CKP (  ซื้อ/เป้า 5.70 บาท) จากการลงนาม MOU tariff โครงการ หลวงพระบางใน 1H22E, และหุ้ นกลุ่ม Finance ได้ แก่ JMT ซื้อ/เป้า  80.00 บาท) จากผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และเริ่มเห็นความชัดเจน JV AMC และ TIDLOR (ซื้อ/เป้า  50.00 บาท) จาก สินเชื่อที่โตต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง 


ที่มา  บล. เคทีบีเอสที,

ภาพประกอบ  บล. เคทีบีเอสที,พิกซาเบย์

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ

จีนล็อกดาวน์
โควิดsetหุ้นไทยดัชนีหุ้นไทย
เคทีบีเอสที